คุยแซ่บShow

เปิดความสนิท  “เบนซ์ ปุณยาพร” – “ท็อป จรณ” รับคบกันเพราะผลประโยชน์จริงหรือเปล่า?!

ท็อป จรณ ควงคู่ เบนซ์ ปุณยาพร มาเปิดเผยความสนิทโดยทั้งคู่ยอมรับว่าสนิทกันเพราะร้อนเงิน คบกันเพราะผลประโยชน์ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ สองคนนี้สนิทกันมาก? เบนซ์ : เบนซ์มีความรู้สึกว่าเราสนิทกันไม่ได้มากขนาดน้้น ก็ห่าง ๆ กัน ท็อป : ที่เขาบอกว่าสนิทกันผมยังงงเลย เชื่อได้ยังไง สนิทกันได้ยังไง? เบนซ์ : คือเราไปเรียนคอร์สด้วยกัน แต่เบนซ์ไม่รู้ว่าใครเรียนบ้าง มันเป็นคอร์สผู้บริหาร ไปเจอกันตอนนั้นเขาเป็นพระเอกช่อง3 เราทำงานอยู่ช่อง7 เขาจะมีมาด นิ่ง ๆ เรียบร้อย หยิ่ง ๆ ดูไม่ค่อยแมน ท็อป : เห็นแว๊บแรกทำไมสวยขนาดนี้ สมกับเป็นนางเอกช่อง7 เหลือเกิน เบนซ์ : จริง ๆ เราคบกันเพื่อผลประโยชน์  เจอกันครั้งแรกถูกชะตาไหม? ท็อป : ผมเฉย ๆ เขาก็สวย แต่ตอนนั้นผมมีแฟน เราเหมือนสร้างกำแพง ไม่อยากให้เข้าใจผิด หรือคนเห็นคิดว่าเราไปจีบ คือเราไปเจอในรายการ อยู่ดี ๆ เขาก็สนิทกับผมเลย พูดกลางรายการเลย มึงอย่างนั้น กูอย่างนี้ ซึ่งผมเองยังตกใจจะทำยังไงดี ถ้าพูดเบนซ์อย่างนั้น อย่างนี้ดูไม่สนิท กู มึง ก็ได้ ซึ่งปกติผมไม่ได้พูด กู มึงกับผู้หญิง น้อยมาก ต้องเป็นรุ่นเดัยวกันจริง ๆ หรือต้องมีความสนิทถึงจะกล้าพูด แล้วอยู่ดี ๆ วันนั้นผมต้องพูด กู มึง กับเขา แล้วก็สนิทไปเลย เบนซ์ : เบนซ์ทำงานกับเขามันมีความสุขมากเลยนะ เบนซ์ยอมรับว่าเป็นคนที่พูดไปเรื่อยเปื่อย บางทีเขาโยนอะไรมาเบนซ์ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เพื่อนจะคอยบอกตลอด แล้วอยู่ดีๆ เบนซ์มีความรู้สึกว่ามันน่ารักจังเลย เราไม่รู้เรื่องหรอก แต่นี่จะเป็นคนคอยตบมุกให้กับเรา รือไปด้วยกัน เหมือนเป็นคู่บุญกัน...

ลูลู่ – รุ้ง ราวรรณ คู่หูเพื่อนซี้ เริ่มต้นจากเป็นแฟนคลับสู่การเพื่อนสนิทสายฮา

เปิดความสนิทของคู่เพื่อนซี้ ลูลู่ ดวงฤดี กับ รุ้ง ราวรรณ ที่เริ่มต้นจากแฟนคลับสู่เพื่อนสนิท พร้อมเคลียร์ใจกันที่แรกหลังน้อยใจกันเพราะเรื่องแต่งงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา, ธัญญา ธัญญาเรศและตั๊กแตน ชลดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ งานแต่งเชิญแขกน้อยมาก แจกการ์ด 200 ใบ? ลูลู่ : พิมพ์การ์ด 200 แต่แจกไม่ถึง 200 ประมาณ 150 หน่อยๆ แต่มาจริงเกือบ 300 เราจัดแบบเล็กๆ ครอบครัวเราสองครอบครัว แล้วมีเพื่อนสนิท บรรยากาศงานแต่งเป็นไปตามที่เราฝันไว้ไหม? ลูลู่ : มันก็ฝันอยู่ค่ะ แต่ว่าคนที่มามันเกินคาด รุ้ง : ไม่เขามากินฟรี ลูลู่ : บางคนเขาไม่ได้ทานข้าว เพราะเราคิดเป็นหัวใช่ไหมค่ะ เราไม่รู้ว่าคนจะเยอะ แล้วกับข้าวต้องวางไว้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่ามันขนาดไหน พอมาปุ๊บยืนถ่ายรูป เขาจะนั่งตรงไหน กินข้าวยังไง แต่ก็ดีใจแล้วก็ขอบคุณที่มาร่วมงาน แต่ว่าต้องขอโทษจริงๆ เราดูแลไม่ทั่วถึง ดูแลไม่ดีจริง ๆ  งานเช้าไม่ได้ไป? รุ้ง : ไม่ได้ไปค่ะ จริง ๆ แล้วลูลู่ขอให้เราไปเป็นพิธีกรงานแต่งช่วงเช้า เราก็โอเคไปเป็นให้ แต่ว่าเกิดเลื่อน ครั้งแรกจำได้ว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ลูลู่ : เขาล็อกวันผิดด้วย รู้ไหมว่าเขางอน เขาน้อยใจมาก? รุ้ง : จริงเหรอ  ลูลู่ : เราตั้งใจอยากให้เขาเป็นพิธีกรงานเช้า มีแต่ครอบครัวเราสองคน เพื่อนสนิท เห็นการทำงานของเขามันเฟรนลี่แล้วเป็นกันเอง เข้าถึงคนง่าย ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ รุ้ง : รุ้งเข้าใจว่า 14 กุมภา แล้วเข้าใจว่ารุ้งล็อกให้เขา 14 กุมภา เพราะถ้า 14 กุมภา รุ้งว่าง แต่เขาบอกว่า 14 กุมภาฤกษ์มันไม่ได้ เขาดูใหม่มาเป็นเดือนมีนาคมแทน ซึ่งเดือนมีนาวันนั้นรุ้งไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าละครล็อกไว้อยู่แล้ว มันกลายเป็นคิวเราต้องไปแมชต์กับนักแสดงท่านอื่น ซึ่งทุกคนได้ แต่เหลือเราคนเดียวไม่ได้ มันก็ยังไงอยู่ ก็บอกว่าเธอฉันขอเขาบ่ได้แล้ว ฉันจะโดนประณาม สุดท้ายเลยบอกว่าเดี๋ยวฉันไปงานเย็น ลูลู่ : เราก็ไปบอกว่าฉันเลื่อนแล้ว ไม่ใช่ 14 กุมภา เป็น 14 มีนา เขาบอกไม่ได้อีก ใช่สิ เราไม่ใช่คนสำคัญ ไม่ใช่ดาราดัง วันนี้เคลียร์ใจกันหรือยังที่บอกว่างอนกันไป งอนกันมา? รุ้ง : เอาจริง ๆ เราไม่รู้นะว่าเขางอน ลึก...

“เอ พศิน” ควงสาวข้างกายเปิดตัวครั้งแรก พร้อมไขข้อสงสัยคบกันหวังสร้างกระแสหรือเปล่า?!

นักแสดงมากความสามารถ เอ พศิน ที่วันนี้ควงสาวสวยข้างกาย บุ๊ค ณิชารีย์ เภสัชกรสาวนอกวงการมาเปิดตัวครั้งแรก พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์ทะเลาะกันกลางไลฟ์สด เพราะว่าปัญหาช่องว่างระหว่างวัยที่อายุห่างกันกว่า 23 ปี งานนี้ยังไขข้อสงสัยอีกว่าทัังคู่คบกันหวังสร้างกระแสรับงานเท่านั้นหรือเปล่า ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  ทั้งคู่เจอกันในรายการเกมส์โชว์หาคู่ ตอนไปออกรายการ พี่เออยากมีแฟนจริงเหรอ? เอ : เพิ่งประกาศตัวว่าจะเป็นโสดตลอดชีวิต รายการนั้นก็เอาอดีตภรรยาและลูกไปด้วย? เอ : หลังจากเราเปลี่ยนสถานะได้ 2-3 ปี มีการคบหากับเพื่อน ๆ ก็มีปัญหา มีคำถามเดิมมาตลอดว่า ตกลงสถานะเป็นยังไง ยังอยู่ด้วยกัน มันก็มีปัญหามาตลอด จนผมรู้สึกว่าผมอยู่เป็นโสดดีกว่า แล้วพอประกาศตัวปุ๊บไปคอมเมนต์ในเพจหนึ่ง ใช้ชีวิตโสดยังไงให้มีความสุข รายการก็ติดต่อมา ตอนแรกปฏิเสธไป แต่เขาบอกว่าอยากให้ลูกชายไปด้วยแล้วถ้าคุณแตงกวาไปด้วยโอเคไหม ผมลองถามดูปรากฎว่าแตงกวาไป คือครอบครัวอยากให้เรามูฟออนอย่างมีความสุข ยังซัพพอร์ตทุกอย่างได้เหมือนเดิม เชื่อว่าเราสามารถทำได้ รายการนี้ไปเพราะหาคู่ หรือไปเพราะเงิน? เอ : เพราะเงินครับ ได้มาก็ให้ลูกเพราะหลัก ๆ ผมให้ลูกเลือก เพราะลูกชอบสาวสวย เวลาสาวสวยบอกว่าทำอะไรเขาก็จะเชื่อ บุ๊ค : ใช่ค่ะ แล้วสุดท้ายเป็นไป เป็นมายังไงถึงมานั่งตรงนี้ด้วยกัน? เอ : ผมว่ามันเป็นชะตาที่ลิขิตไว้ คือน้องเขาไปขอพรกับสิ่งศักดิ์ที่หนึ่ง เขาเพิ่งโสดมาได้ระยะนึงแล้วเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งทำอะไรด้วยตัวเอง เป็นอินฟูลด้วย บุ๊ค : ขอพร 15 ข้อ ที่วัดแขก แล้วผู้ชายคนนี้มีครบ 15 ข้อไหม? บุ๊ค : ครบค่ะ เอ : เป็นเรื่องแปลกมาก บางทีคำอธิฐานดลใจให้เราเจอกันตรงนั้นก็ได้ แล้วข้อสุดท้ายพิเศษมาก ๆ เลย ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก บุ๊ค : ขอให้สังคมรอบข้างยินดีกับการคบกันหรือว่าเรารู้จักกันในครั้งนี้ เอ : ก็คุยกัน แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะน้องอยู่สัตหีบ เป็นเภสัช ตอนอยู่บนเวทีเขายังไม่ปิดไฟ เขาเริ่มเข้าตาเราบ้างยัง?...

“กระแต อาร์สยาม”  ควงน้องชาย  “กฤษ์ บุญยะเลี้ยง” เคลียร์ใจกลางรายการ กับปมที่ติดอยู่ในใจ

นักร้องลูกทุ่งสาว กระแต อาร์สยาม ที่วันนี้ควงน้องชาย กฤษ์ บุญยะเลี้ยง มาเปิดต้วที่แรก พร้อมบอกเหตุผลทำไมถึงไม่พาน้องชายออกสื่อ อีกทั้งยังเคลียร์ใจพี่น้อง ที่น้องชายน้อยใจพี่สาวถึงขั้นน้ำตาตกในเลยทีเดียว ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีหนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ทำไมกระแตปิดเงียบ ไม่พาน้องออกสื่อเลย? กระแต : นี่ถือเป็นรายการแรกที่มานั่งคู่กันจริงจัง ทำไมเราถึงไม่พาน้องออกสื่อ? กฤษ์ : กลัวน้องดังกว่าหรือเปล่า กระแต : ไม่ได้ถีงกับปิดขนาดนั้น น้องเขาก็มีผลงานเพลง โปรโมทลงไอจีอยู่แล้ว แต่เวลาไปรายการส่วนมากก็สัมภาษณ์เป็นคอนเทนต พี่สาวไม่ค่อยมีสัมภาษณ์ครอบครัว พี่น้อง ก็เลยไม่ได้พาไป ในความเป็นจริงกระแตดังมากนะ แล้วมีโอกาสที่จะใช่สื่อที่มันเป็นความดังของตัวเองด้นน้อง ทำไมไม่ทำ? กระแต : ดันนะ จริง ๆ น้องเขาออกเพลง หนูก็ลง แต่เหมือนคนเขาเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง ออกรายการกับพี่สาวครั้งแรก รู้สึกยังไงบ้าง? กฤษ์ : แปลกๆ ยังไงไม่รู้ เกิดอะไรขึ้นทำไมน้ำหนักเราดีดตัวมาเยอะ? กฤษ์ : กินอย่างเดียวเลย แล้วไม่ค่อยออกกำลัง ผมชอบกินอยู่แล้ว แล้วผมไปบวชที่พม่า แล้วด้วยความที่ว่าพม่าของมันถูก ผมไม่เคยมองตัวเองว่าหล่อเลย แต่พอวันนึงตัวเองอ้วน กลับไปมองรูปตัวเอง ก็หล่อเหมือนกันนะ ตอนนี้กำลังลดอยู่ครับ เราน้อยใจพี่สาวมาก ๆ แต่ยัวไม่ได้เคลียร์กัน? กฤษ์ : เรื่องน้อยใจจริง ๆ ไม่ค่อยได้บอกพี่แต ปกติพี่แตทำงาน พี่สาวเป็นคนที่แบบว่าสั่งให้น้องทำงาน ผมก็เตรียมทุกอย่างหมดแล้ว พอถึงวันจริงไม่ต้องแล้ว พี่ให้คนอื่นช่วยแล้ว มันสะสมอย่างนั้นมานานแล้ว จนทุกวันนี้ชินแล้ว รู้สึกน้อยใจ ถามว่าบางอย่างพี่ทำคนเดียว กระแต : ฟิลแบบหนูทำงานหนักมาก ไม่ได้มีแค่คอนเสิร์ตอย่างเดียว แต่ต้องประชุมธุรกิจมันหลทยสิ่ง บางทีเขาจะบอกว่าพี่แตมีอะไรบอกหนูนะ กระต่ายก็เหมือนกัน หนูบอกไม่เป็นไรอย่างเดียวเลย เพราะไม่อยากให้เขาเหนื่อย เราเหนื่อยคนเดียวพอ แต่ในส่วนของทางบ้านก็อยากช่วย ให้กูช่วยได้ไหม กฤษ์ : แต่เมื่อไหร่ที่พี่สาวโทรมาให้ช่วย เรารู้แล้วว่าพี่ไม่ไหว ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรก เราเลยรู้สึกว่าเพราะเราเด็กไปหรือเปล่า พี่สำเร็จเราไม่ได้สำเร็จตามพี่ ความรู้สึกเรามองว่าเราไม่มีความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจเหมือนที่พี่ไว้วางใจคนอื่นหรือเปล่า ประมาณนั้น แต่จริง ๆ แล้วอยากช่วยมากกว่า...

“ปู แบล็คเฮด” ควง “แจนจัง” เปิดเส้นทางรัก 8 เดือน  รับอายุห่าง  24 ปี มีผลกับชีวิตคู่จริงไหม?

ร็อคเกอร์รุ่นใหญ่ระดับตำนาน ปู แบล็คเฮด ที่วันนี้ควงแฟนสาว แจนจัง เจตสุภา อดีสมาชิก BNK48 อายุห่างกันกว่า24 ปี มาเปิดใจจุดเริ่มต้นความรักที่เกิดขึ้นในกองถ่าย พร้อมเคลียร์ดราม่ามูฟออนไว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ตอนวันเกิดพี่ปูช่วงต้นเดือนมิถุนายน คบกันได้กี่เดือน? แจนจัง : ประมาณ 8 เดือน จุดเริ่มต้นความรักของพี่ปู ไปเริ่มคุยกันคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่? ปู : เจอกันในกองถ่ายซีรีส์เรื่องนึงครับ ประมาณเกือบ 10 เดือนที่แล้ว ก็พูดคุยกันอยู่ในห้องพักนักแสดง แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเป็นนักแสดงสมทบ แจนจังรู้จักปู แบล็คเฮด มาก่อนไหม? แจนจัง : รู้จักค่ะ เคยเห็นแล้วก็จำได้ แต่พอมาเจอตัวจริงจำไม่ได้ เพราะเขาเปลี่ยนลุคหมดเลย เราไม่ได้ติดตามตลอดมันไม่ได้แนวเรา พอมาเจอกันวันแรก ครั้งแรก เราจำไม่ได้เฉย ๆ แต่เรารู้ว่ามีปู แบล็คเฮด มีเพลงของเขาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าคนนี้คือปู แบล็คเฮด เพราะเขากลายเป็นไวท์เฮดไปแล้ว ไปรู้ได้ไงว่าเขาคือ ปู แบล็คเฮด ? แจนจัง : ในกองจะมีว่าใครมาเล่นบ้าง เราก็ไปยืนอ่าน อ่อ...โอเค รู้แล้วว่านี่คือปู แบล็คเฮด ชอบเขาเลยไหม? แจนจัง : ชอบเลย ชอบพี่เขาเพราะอะไร? แจนจัง : ชอบเพราะวันนั้นเป็นวันฟิตติ้ง เราเดินไป เขามาก่อน เราหันไปเห็น อุ้ย...นี่ใคร หล่อจังเลย แล้วเหมือนมีแสงเปล่งประกายออกมา เหมือนจังหวะตกหลุมรัก หน้าเขาจะไบร์ท พี่ปูรู้ไหมว่าน้องเห็นแสงจากกรามพี่ปู? ปู : ไม่รู้เลยครับ มารู้ตอนหลังที่พูดคุยกันเยอะ ๆ แล้ว ถึงได้ถามว่ามันเรื่องอะไรถึงได้ถูกใจ อาจจะหลงรอยตีนกาเพราะรุ่นเดียวกันกับเขาไม่ค่อยมี พี่ปูรู้ไหมว่าน้องเขาเป็นไอดอลวงดังเลย? ปู : จริง...

เปิดชีวิต อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ หลังป่วยเส้นเลือดในสมองตีบกว่า 5 ปี

เปิดชีวิตนักแสดง ผู้กำกับและร็อคเกอร์ใจนักเลงในตำนาน อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กับชีวิตหลังต้องฝ่ามรสุมป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบนานกว่า 5 ปี เชื่อเป็นโรคเวรกรรม พร้อมเผยความในใจสุดซึ้งถึง แดง ธัญญา ภรรยาคู่ชีวิต ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow Special ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร 5 ปีที่แล้วล้มป่วยเรียกว่าโรค ?...

“อาหมู สมภพ” เปิดสาเหตุ ทำไมไม่ยอมเปิดตัวภรรยา ทั้งที่ใช้ชีวิตคู่มานานกว่า 55 ปี!

นักแสดงรุ่นใหญ่มากความสามารถ อาหมู สมภพ ที่วันนี้จะมาเปิดใจเคลียร์ข่าวลือ เสียชีวิตแล้ว พร้อมเผยเส้นทางความรักกับภรรยากว่า 55 ปีที่ไม่เคยเปิดตัวออกสื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ มีข่าวว่าอาหมูเสียชีวิตแล้ว? อาหมู : งงมาก ๆ เลย ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องหรอก เพื่อนได้ข่าวมายังไงไม่รู้ โทรมาบอกว่ามีข่าวลือว่าเราตายแล้ว ก็บอกไปว่าน่าจะจำคนผิดมากกว่า  หนังด้วย ละครด้วย เขาบอกเกือบเป็นตำรวจ และเกือบเป็นนักฟุตบอลทีมชาติด้วย? อาหมู : ช่วงนั้นพอเรียนจบ ผมเล่นกีฬาฟุตบอลมาตลอด บังเอิญไปเจอหม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร ท่านเป็นผู้การทางหลวงอยู่ ท่านให้คนมาติดต่อมาเล่น สุดท้ายที่มาเล่นกับท่านได้ ถ้วย ก.ราชประชานุเคราะห์ ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นพรีเมียร์ลีก แล้วช่วงหลังไปประสบอุบัติเหตุไปกับเพื่อน โดนรถเมล์ชน ขาหัก กระเด็นข้ามไปฝั่งโน่น ถ้าเป็นสมัยนี้ตายไปแล้วรถเยอะ สมัยนั้นรถน้อยอยู่ คนมาช่วยไปโรงพยาบาลตำรวจ แสดงว่าอนาคตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมันหยุดตอนที่รถเมล์ชน? อาหมู : อีกครั้งพอหายแล้วมาบาดเจ็บในสนาม พอรักษาหาย เล่นแล้วไม่เหมือนเดิม บังเอิญไปเจอท่านมุ้ย ตอนนั้นพี่ชายเป็นช่างกล้องอยู่กับท่าน แล้วท่านไปงานบวช บอกว่าไปเล่นหนังกันไหม ผมก็ดฉยๆ เพราะตั้งเป้าอยากเป็นนักฟุตบอลแล้วจะเป็นตำรวจ หลังจากนั้น 3 เดือนพี่ชายสึก บอกว่าไปพบท่าน หลังจากนั้นก็เริ่มงานนี่มาตลอด  อาหมูมีภรรยาใช่ไหม? อาหมู : มีครับ แล้วมีก่อนที่จะเข้าวงการ 1 ปี เจอผู้หญิงคนนี้เจอด้วยความบังเอิญ ไม่ได้เป็นคนรูปร่างสวยเท่าไหร่ ผมเห็นเขาเป็นคนทำงาน เขาดูแลครอบครัว ดูแลพ่อแม่ พี่น้อง แสดงว่าคนนี้เป็นคนกตัญญู ตอนเข้าไปคุย เขาคุยด้วยเลยไหม? อาหมู : คุยด้วย เขาทำงานบริษัทเกี่ยวกับประชาสัมพันธ์ เขาคงคุยเก่งอยู่แล้ว เราก็เขิน ๆ หน่อย แต่พอเจอกันบ่อย ๆ ก็เลยคุยกันรู้เรื่อง สมัยก่อนเขาไม่เปิดตัวแฟน? อาหมู : อาจจะมีส่วนนะ แล้วอาจจะเป็นนิสัยของเขาด้วย ผมเคยพาไปกองถ่ายนะ เขาไปนั่งแล้วไม่มีความสุข เพราะต้องรอนาน แล้วยังไม่รู้เวลาเลยว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ เขากลับมาคิดแล้วคุยกันที่บ้าน เขาบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ ต่างคนต่าฃทำงาน แต่เขาสนะบสนุนนะ คอยเป็นกำลังใจให้ คอยช่วยเหลือตลอดเวลา ผมอาจจะโชคดีตรงที่เขาเข้าใจ แล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวมันจะวุ่นวายแล้วเราทำงานไม่สะดวก ถ้าภรรยาไม่อยากเปิดตัว ลึก ๆ ตอนนั้นอาหมูอยากเปิดไหม? อาหมู : ถ้าเขามาถามโดยเจอกันตรงๆ ผมก็เปิด ทีนี้ผมเป็นคนไม่ค่อนยุ่งเกี่ยวเรื่องสื่อ เรื่องอะไร เลยไม่ค่อยได้เจอกัน...

เปิดใจ “ท็อป ดารณีนุช” รักครั้งใหม่! ลูกชายสงสัย “แม่จะรักผมน้อยลงไหม?” 

ชื่นมื่นกันทั่วหน้า สำหรับงานฉลองวิวาห์ของ “กั๊ท กฤณ”  กับสาวนอกวงการ โดยแม่งานใหญ่และแม่ของเจ้าบ่าวอย่าง “ท็อป ดารณีนุช” ก็ยิ้มไม่หุบทั้งงาน เพราะนอกจากจะปลื้มที่ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่เพื่อน ๆ แม่ก็มาร่วมแสดงความนินดีอย่างคับคั่ง ล่าสุดทั้งคุณแม่และลูกชาย ควงแขนมาเปิดใจในรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ พร้อมเผยเรื่องความสุขในวันสำคัญของลูกชาย รวมไปถึงรักครั้งใหม่ของตนเองอีกด้วย ลูกสะใภ้คนนี้เป็นไง? ท็อป : ลูกสะใภ้คนนี้น่ารัก ตอนนั้นเขาคบกันมีแพลนจะแต่งงานตั้งแต่คบกันยังไม่ถึงปี (ลูกพูดว่า 2 ปีกว่า ๆ ไม่ใช่ไม่ถึงปี) อ้าว แม่จำผิดเหรอ ตอนนั้นอาจจะคิดว่าเร็วไปไหม เราหวงลูกด้วย จนกระทั่งลูกบอกมันถึงเวลา เราก็โฟกัสเขามากขึ้น เราเห็นลูกสะใภ้ว่าเขาเป็นคนขยัน เป็นเด็กน่ารัก เป็นเด็กใจเย็น เพราะลูกเราใจร้อนมาก กั๊ท : ตอนนี้ใจเย็นแล้ว มาดีขึ้นตอนอายุ 28 มาคบกับคนนี้ เราก็พยายามใจเย็นขึ้น เขาเป็นส่วนนึงทำให้เราใจเย็นแรกๆ เราทะเลาะกันบ่อย ต่างไม่ยอมกัน จนผ่านไปเรื่อยๆ จนเป็นเขาที่อยู่ข้างเราตลอด เรามองกลับมา เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเอง แต่เขาก็ยังอยู่ข้างเราตลอด แต่กว่าจะได้แต่งกัน คือเลื่อนไป 3 รอบ ท็อป : คือเรามีฤกษ์มาแล้ว แต่ด้วยโรคระบาด ก็เจอทุกระลอกเลย ทางบ้านผู้หญิงเขาถือฤกษ์ เขาเลยบอกว่าแต่งกันเลยเถอะ ไม่เลื่อนแล้ว ก็เลยแต่งกันที่บ้านของเจ้าสาว ตามฤกษ์ตามพิธี  กั๊ท : และพิธีที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทุกคนคิดว่าพิธีมันจบแล้ว แต่ที่เพิ่งจัดฉลองไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่พอเราไปงานล่าสุดมา มันจุดไฟให้เราอยากจัดบ้าง มันอบอุ่นจัง เลยคุยกับแม่ มันมีอะไรให้จดจำ  และมีโมนต์ก่อนงานเริ่ม? ท็อป : ก็คือตั้งแต่ก่อนวันแต่ง เราไม่เจอเขาเลย และตอนที่เราแต่งหน้าอยู่ เขาเดินเข้ามากอดเรา แม่ก็กอด กั๊ท : เราอยากเข้าไปหา อวยพร เรารู้สึกว่ามันคืองานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ถ้าไม่ได้พรจากแม่ เราจะไม่ค่อยมั่นใจ แม่ก็ให้พร ลูบหัว บอกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย  ท็อป : (น้ำตาไหลเลยไหม?) น้ำตาไหลเรื่องบิล (หัวเราะ) แต่ตอนบ่าย 3 เราจะเป็นลม เพราะเราทำพิธีช่วงที่ญาติผู้ใหญ่มาอวยพรลูกเสร็จ เรากลับขึ้นมาบนห้อง เราเหมือนจะเป็นลม บวกกับเราเพิ่งหายจากโควิดด้วย เราเลยนอนสักพัก  จน 6 โมงเพื่อนโทรมาตาม ให้ลงมาเร็วๆ เราเด้งขึ้นมาเลย หลายจากนั้นเจอแขก เราก็มีพลังขึ้นมาทันที ข้าวก็ไม่ได้กิน เพราะพอลงไปงาน มันไหว มันมีพลัง เราเป็นคนแบบนี้  กั๊ท : จุดเริ่มของกั๊ทตั้งแต่เกิด ก็มาจากผู้หญิงคนนี้ ทุกอย่างในชีวิตเรา มันคือสิ่งที่แม่มอบให้มา มิตรภาพดี ๆ ที่เราได้รับ ก็มาจากแม่ทั้งหมด ขอบคุณยังไง อธิบายยังไง มันก็ไม่พอ  ท็อป : ก็ขอบคุณที่เขาเกิดมาเป็นลูกเรา เราได้ลูกดี ไม่เคยทำให้เราเดือดร้อนใจ ลูกเรารือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่การสร้างแต่เป็นหล่อหลอมขึ้นมา มาเป็นตัวเขา การทำหน้าที่แม่ของเรามันสมบูรณ์แล้ว...

เปิดชีวิต “เชฟเอียน” กับวิธีเลี้ยงลูกสุดโหด ถ้าไม่เรียนเชฟก็หาเงินเรียนเอง?! 

เปิดเส้นทางชีวิตเชฟซุปตาร์แห่งยุค เชฟเอียน ที่เพราะอะไรทำไมพี่สาวของเชฟเอียนกลัวน้องชายเป็นสาวสองถึงขั้นเตรียมจัดผู้หญิงไว้ให้ พร้อมเปิดเผยมุมมองส่วนตัวอยู่ในโอวาทภรรยาขั้นสุด แถมมีวิธีเลี้ยงลูกสุดโหด ถ้าลูกไม่เรียนเชฟต้องหาเงินเรียนเอง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ เชฟโตมาในครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เชฟเป็นผู้ชายคนเดียว? เขฟเอียน : ครับ เป็นคนที่7 มีน้องสาวคนหนึ่ง ตอนโตพี่สาวบอกว่า มีของเล่นเยอะมาก คุณพ่อ คุณแม่ซื้อของให้เล่นเยอะมาก เพราะเป็นผู้ชายคนเดียว ทีมงานบอกว่าตอนเด็ก ๆ เชฟเอียนไม่พูด? เขฟเอียน : ตอนช่วงประถม คุณแม่กลับมา การบ้านก็ทำ แต่ว่าลูกชายไม่เคยพูด เขาเลยพาผมกลับไปที่โรงเรียนว่าเนี่ยไม่พูด เป็นใบ้หรือเปล่า เราไม่ค่อยพูด ไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยเงียบๆ แทบจะไม่พูดเลย แล้วครอบครัวมีธุรกิจอาหารที่ซิดนีย์เมื่อไหร่? เชฟเอียน : คิดว่าก่อนที่ผมไป 2 ปี ตอนอายุ 16  ตั้งแต่เกิดถึง 16 ปีอยู่เมืองไทย? เชฟเอียน : อยู่เมืองไทย เสร็จแล้วหลังจาก 16 ผมตามเพื่อนไปอังกฤษ ก่อนหน้านั้นที่บ้านย้ายไปหมดแล้วที่ออสเตรเลีย แต่ผมไม่อยากไปกับเขาด้วย เราอยู่กับเขามา 16 ปีก็อยากไปทำอะไรของเราเอง เลยบอกคุณแม่ ขอไปอังกฤษ พี่สาวก็ไม่ยอมให้ไปกัน เขาบอกถ้าไปอังกฤษมันติดยาแน่นอน แต่เราเป็นผู้ชาย แล้วเป็นลูกชายคนเดียว แม่ก็ยอมทุกอย่าง เลยให้ไป แต่ไปถึง 3 วันแรก พูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเลย ได้ไปทำงานในโรงแรม ล้างหม้อ ที่บ้านเพื่อนๆ ก็ถามว่าทำงานอะไร ผมบอกคุมเครื่องทำความสะอาด นั่นคือสิ่งที่เราอยากทำ? เชฟเอียน : ไม่ใช่ครับ คือคุณแม่ไปกู้เงินมาเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนให้เรา อันนี้เริ่มต้นก่อน คือเรียนภาษาอย่างเดียวอย่างที่สอง จ่ายเงินให้เรา 6 เดือน เป็นที่พัก อย่างที่สามคือจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้เรา เพราะเราได้วีซ่านักเรียน อันนี้เป็นแบบเริ่มต้น ยังไม่รวมกิน ไปถึงปุ๊บ เพื่อนบอกมีงานให้ทำ ผมเลยได้ทำ เสร็จปุ๊บเราก็มีเงินแล้ว แต่เราเป็นนักเรียนเราทำงานได้แค่ 4 วันต่ออาทิตย์ ตอนนั้นชีวิตเราอยู่อังกฤษ แต่ครอบครัวทั้งหมดย้ายไปอยู่ซิดนีย์ เพราะว่ามีธุรกิจอาหารที่ซิดนีย์? เชฟเอียน : ครับ ถ้าคนข้างนอกมองเชฟชีวิตคุณหนูมากอยู่แล้ว พ่อแม่ได้เงินมาส่งให้ลูก ๆ เป็นอย่างนั้นไหม? เชฟเอียน : จริงๆ ไม่เลยนะครับ เหมือนกับคุณแม่ตั้งปณิธานไว้ว่าลูกทุกคนจะส่งให้จบปริญญาตรี คุณแม่ทุกคนเป็นอย่างนี้ พอจับพลัด จับผลูได้งานทำ คราวนี้มันไม่ใช่ทางเราแล้ว เพราะเราไม่เคยใช้ภาษาเลย พูดก็ไม่เป็น คือไม่ต้องพูดเลย ล้างอย่างเดียว หลังจาก 3 เดือนผ่านไป ผมลาออกไปเป็นคนเสิร์ฟ ตอนนั้น 3 เดือนเรายังพูดอะไรไม่เป็น ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ผมเป็นคนเสิร์ฟกาแฟกับชา เหมือนบนเครื่องบิน แล้วชีวิตเรามาเป็นเชฟได้ยังไง? เชฟเอียน : พอหลังจากที่จบเซอร์วิช ผมเรียนภาษาเที่ยงถึงบ่ายสาม ได้ทำงานเช้า ทำงานเสร็จประมาณ 10 โมง ผมเข้าไปฝึกภาษากับเชฟคนหนึ่งอยู่หลังครัว วันหนึ่งเขาบอกผมให้เข้าไปช่วย เพราะวันนี้ผู้หญิงอีกคนไม่มา ไออยู่คนเดียว กลางวันมีจองอยู่ 120 คน ผมทำอะไรไม่เป็นเลย เราเสิร์ฟอย่างเดียว เขาบอกเดี๋ยวเขาโชว์ให้ดู อาหารมีไม่กี่อย่าง แต่ว่าจะเป็นอะลาคาร์ท ส่วนใหญ่จะมี 3-4 อย่างที่แขกสั่งประจำ เสร็จแล้วเข้าไป ผมไม่ทันได้ช่วยเลย เมเนเจอร์เข้ามา เพราะผมใส่ชุดเสิร์ฟเสื้อขาว กางเกงดำ เขาบอกว่าเอียนเข้ามาทำอะไรที่นี่ เชฟที่ให้เรามาช่วยก็บอกไป เขาเลยถามว่าเราอยากเป็นเชฟ เราจะส่งคุณไปโรงเรียน ดีใจมาก ไม่ต้องจ่ายเงิน ดีใจมากสตั้นไปพักหนึ่ง เขาบอกไปคิดดูก่อน หลังจากนั้นทำงานเสร็จผมก็ไปโรงเรียน เสร็จกลับบ้าน ก็เจอผมอีก เขาถามยูคิดหรือยังว่าจะไปเรียนไหม ผมบอกเลยว่าไป คิดอย่างแรกเลย แม่ไม่ต้องส่งเงินให้เราแล้วนะ เรียนฟรี แต่ที่ไหนได้ ปีนึง 55 ปอนด์ เพราะเป็นโรงเรียนรัฐบาล เพราะแต่ก่อนโรงเรียนที่แพง ๆ ไม่มี...

“ทราย เจริญปุระ” ควงน้องชาย   “ท๊อฟฟี่ ภวัต”  เปิดตัวครั้งแรก

ทราย เจริญปุระ ขอควงน้องชาย ท๊อฟฟี่ ภวัต เปิดตัวครั้งแรก พร้อมเคลียร์ปมในใจที่รู้สึกผิดกับน้องชายมาตลอดชีวิตอีกทั้งยังเคลียร์ดราม่าคลั่งผอม จนคนวิจารณ์หนักมาก ถึงขั้นถูกเม้าท์ว่า ติดยา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow  ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ เห็นเล่นกันขนาดนี้ แสดงว่าสนิทกันมาก? ทราย : สนิทค่ะ ด้วยความที่แม่ดุมาก ๆ หมายถึงว่าเขาจะเป็นสไตล์เฉพาะของเขา ดังนั้นพี่น้องจะต้องคุยกันเอง ทรายเป็นพี่คนโตก็จริง แต่ว่าเราทำงานตั้งแต่เด็ก บางทีเราจะไม่ค่อยรู้ทักษะสังคมด้านอื่น ๆ ดังนั้นถ้ามีอะไรก็จะคุยกับฟี่ก่อนได้  ท๊อฟฟี่พี่สาวตัวจริงเป็นยังไง? ท๊อฟฟี่ : เขาเงียบ ชอบอยู่เงียบ ๆ มีโลกของตัวเองค่อนข้างสูง ฉะนั้นเราใช้คำพูดกันค่อนข้างน้อย ใช้จิตสื่อกัน ตั้งแต่เด็กอย่างที่พี่ทรายบอกว่าแม่ดุ เราก็จะจูนเข้าหากันเองตั้งแต่เด็ก คนข้างนอกจะมองว่าทราย เจริญปุระเป็นคนแรง ตัวจริงแรงไหม? ท๊อฟฟี่ : ใช้คำว่าแรงก็อาจจะไม่ได้ผิด แต่ว่าในมุมมองของผม ของที่บ้านเรา เราถูกเลี้ยงมาด้วยการพูดความจริง ทุกอย่างมันจะจบด้วยการพูดความจริง ถ้าคนมองว่าแรงก็ไม่ผิด แต่จริง ๆ แล้วมันคือการพูดตรง ๆ ทีเดียวจบ เวลาอยู่บ้านแสดงความรักกันยังไง? ท๊อฟฟี่ : โอนเงินครับ อันนี้ไม่จริง แต่อยากได้ ปกติก็ซื้ออะไรให้กินมากกว่า แต่ก็มีความรู้สึกผิดบางอย่างที่อยู่ในใจพี่สาว? ทราย : เรื่องดูแลพ่อ ทรายทำงานเร็ว เข้าวงการก็ถือว่ามีเส้นทางอาชีพที่โอเค ช่วงนั้นพ่อทรายป่วยเป็นอัลไซเมอร์แล้วเขาก็ต้องหยุดจากวงการ ต้องมีคนดูแล ซึ่งแม่เป็นคนดูแลหลัก คราวนี้เขาทำคนเดียวไม่ไหว เพราะว่าดูแลคนป่วยมันยาก ตอนนั้นฟี่เพิ่งเรียนจบ ทำงานใหม่ๆ เลย แม่ก็มีออเดอร์ว่า ฟี่ออกจากงาน คือเป็นงานในฝันเลย แม่ต้องการแรงงานมาช่วย 1 คนอุ้ม เปลี่ยนผ้าอ้อมอะไรอย่างนี้ ถ้าจะให้ทรายหยุดเป็นไปไม่ได้ เพราะทรายเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วตอนนั้นที่ต้องทำงานหาเงินแล้ว แม่ก็พูดตรง ๆ ถ้าพูดทางเศรษฐกิจ ฟี่หาเงินสู้ทรายไม่ได้ ดังนั้นคุณต้องออกมาช่วย ทรายรู้สึกมันไม่แฟร์ เขาควรจะได้มีชีวิตของเขา ตอนนั้นรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเราไหม? ท๊อฟฟี่ : แว๊บแรกรู้สึกมาก อย่างที่บอกเราเพิ่งเรียนจบ เพิ่งจะเริ่มงานได้สักปีกว่าๆ เอง กำลังสนุกเลย อยู่ดีๆ ก็เปรี้ยงอยู่บ้านเลย เราก็ทำตามคำสั่งแม่?...