คุยแซ่บShow

“เมญ่า” ควงสามี เผยเส้นทางรัก จากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟน พร้อมแซว “หนิง ปณิตา” ผัวที่ดีคือผัวใหม่!

คุณแม่สุดแซบ เมญ่า นนทวรรณ ควงสามี ชาบิ ชาวฮังการี และลูกชายน้องเบลิน เปิดใจครั้งแรกหลังจากงานแต่งงานที่เพิ่งผ่านมา เผยเส้นทางความรักกว่า 2 ปี จากเพื่อนเลื่อนสู่แฟน ย้อนเล่าเข็ดกับความรักจนเกือบจะไม่ได้คบหากันแล้ว แต่มีอะไรที่ทำให้ทั้งคู่กลับมาคบกันได้? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญเรศหนิง ปณิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง ดำเนินรายการ  แต่งงานอีกครั้ง? เมญ่า : วันนั้นรู้สึกคอมพลีท เราอยากจะแต่งริมหาดมาตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นมันทำไม่ได้ แต่ในใจลึกเราคิดว่าไม่เป็นไรไว้งาน 2 ก็ได้ พูดเล่นๆ ไม่คิดว่าวันนึงจะได้ทำจริงๆ กลับไปแต่งที่เมืองนอกอีกครั้ง? เมญ่า : ค่ะเป็นเวดดิ้งปาร์ตี้ที่สเปน ทางครอบครัวเดินทางมาที่นี่ทั้งหมดก็ค่อนข้างยาก ประมาณช่วงมิถุนายน จดทะเบียนเรียบร้อย? เมญ่า : รอไปจดที่สเปนค่ะ เพราะมันจะได้ง่าย เวลาเดินทางจะได้ง่าย สามีอายุห่างกี่ปี? เมญ่า : ตอนแรกกะหาคนใหม่อายุน้อย ๆ ไม่รู้เป็นไงได้มาอายุเยอะกว่าคนเก่าอีก ห่างกัน 20 ปี ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเป็นความรักต้องกการครอบครัวก็จริง มาถึงวันนึงเรารู้สึกว่าไม่รู้จะทนไปทำไม มันไปกันไม่ได้ เลือกเดินหน้ามูฟออนดีกว่า ที่ผ่านมาลูกค่อยๆปรับของเค้าเอง การมีรักครั้งใหม่คือเติมเต็มให้ลูกด้วย นอกจากเติมเต็มที่เรา รักครั้งนี้เริ่มต้นจากที่ไหน? เมญ่า : ตอนนั้นไปอยู่สเปน ไม่ค่อยมีเพื่อน ค่อนข้างโดดเดี่ยว เราอยากหาเพื่อน มีกลุ่มเฟสบุ๊คเฟสจะมีชาวต่างชาติที่ย้านเข้ามาเราก็คุยหลายๆคน มาเจอกัน เจอกันครั้งแรกก็บอกเค้าเลยมีลูก มีครอบครัว ช่วงนั้นเจออะไรเยอะมากก็ไปร้องไห้ใส่เค้า เหมือนเค้าบอกพูดมาเถอะอะไรก็ได้เค้ารับฟัง พอพูดหมดเหมือนเอาภูเขาออกจากอก เพราะเราคุยกับใครไม่ได้  แต่หนูไม่ได้บอกว่าหนูเป็นใคร ถามเค้าว่าที่เห็นเราร้องไห้รู้สึกอะไรทำไมอยากมาเจอต่อ ยังเป็นเพ่อนกันต่อได้ เพราะเรากลัวเค้าหนี เค้าบอกว่าเราต้องการคนช่วยถ้าไม่ช่วยรับฟังเค้าก็หานักบำบัดที่เป็นเพื่อนของเค้ามาให้ซึ่งช่วยได้ค่อนข้างเยอะ บอกเค้าตอนไหนว่าเป็นนางงาม? เมญ่า : หนูมีอินสตราแกรมไพรเวทด้วย มีออฟฟิเชียลด้วย พอเค้าเริ่มเห็นเค้าบอกทำไมไม่เหมือนคนอื่นเข้าถึงง่ายเค้าเลยงงว่าใช่หรอ เค้ากลับไปย้อนดูมิสเวิร์ล และเค้าบอกไม่เข้าใจทำไมเราไม่ได้ ในความรู้สึกที่เค้าเห็นเรา เค้าเหมือนชมเราสวยไปหมด เพราะก่อนหน้านี้เราสูญเสียความมั่นใจเรามองตัวเองก็ไม่สวย พอเค้าเริ่มมามันเหมือนรีสตาร์ททุกอย่าง ตอนแรกคิดว่าผู้ชายตอแหล 2 ปีกว่าก็ยังเหมือนเดิม เค้ามีความโรแมนติก  คุณพ่อคุณแม่ปลื้มมาก? เมญ่า : ผู้ชายคนไหนมาจีบต้องหนี ผู้ชายกลัว คนนี้งงอยู่ดีๆชอบเฉยเลย พาไปทำโน่นทำนี่ด้วยกัน เค้ามีหลายๆอย่างของทุกคนที่หนูเคยคบ เพอร์เฟคในคนเดียว  ลูกสนิทกับสามี? เมญ่า : ติดค่ะ ติดมาก  ติดแบบที่หนูฝากเค้าได้ เค้าอยู่กับเหมือนพ่อลูก ก่อนหน้านี้เค้าเรียกชื่อเฉยๆ แต่ตอนนี้เค้าเรียกของเค้าเอง ชาบิเด็ดดี้ แล้วหนูไม่ได้สอนนะ หนูก็น่ารักจังเลยเค้าเห็นของเค้าเอง คนนี้สำหรับเค้าเบลินเหมือนลูกแท้ๆของเค้า ลูกเรียกเอง? เมญ่า : ใช่ค่ะ หนูไม่อยากไปสอนเค้า ไม่อยากให้เค้ารู้สึกว่ามีใครสักคนมาแทนพ่อเค้า ให้เค้าเรียนรู้ของเค้าเองอยากจะเรียกของเค้าเอง...

ครูปุ้ม – เสรี รุ่งสว่าง อัปเดตอาการป่วย ครูชลธี ลั่นตอนนี้ทำใจเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต

นักร้องลูกทุ่งแถวหน้าของเมืองไทย เสรี รุ่งสว่าง ที่วันนี้ขอพาครูปุ้ม ศศิวิมล ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของศิลปินแห่งชาติ ครูชลธี ธารทอง มาอัปเดตอาการป่วยของครูชลธี หลังเข้ารับการรักษาด้วยโรคติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะและอาการน้ำท่วมปอด ลั่นตอนนี้ทำใจเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต พร้อมเปิดโมเมนต์ครูกับลูกศิษย์ได้พบกัน หลังมีเรื่องผิดใจกลายเป็นคดีความใหญ่โต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, เป็กกี้ ศรีธัญญา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ล่าสุดคุณครูชลธีเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล แล้วเมื่อวันที่ 26 เมษายน คุณครูชลธีได้เข้าห้อง ไอซียู ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ครูปุ้ม : เมื่อวานไปเยี่ยมดีขึ้นค่ะ เมื่อกี้แม่บ้านบอกกำลังย้ายเข้าห้องพิเศษ ถือว่าพ้นวิกฤติแล้ว? ครูปุ้ม : พ้นวิกฤติไหมตอบไม่ได้ แต่หมออนุญาตให้ย้ายด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ตามข่าวบอกว่าคุณครูชลธีติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ณ ตอนนี้มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ไหม? ครูปุ้ม : ก็อาการเบลอแล้วก็สับสนด้วยวัยท่านก็อายุ 85 ปี บางครั้งก็จำได้ บางครั้งก็จำไม่ได้ หมายถึงจำเราได้ แต่จำเหตุการณ์ไม่ได้ อย่างเมื่อวานนี้เขาบอกว่าไป ไปเที่ยวกัน ตกใจไหมกับอาการที่ครูจำไม่ได้? ครูปุ้ม : คิดว่าด้วยอายุของครูมากกว่า เราก็ต้องทำใจ เราศึกษามาเยอะ แต่พื้นฐานเดิมแกจำได้หมด อย่างพี่ต้อมจำได้ อย่างพี่จำได้ แต่บางเรื่องเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบันจำไม่ได้ ก่อนจะไปโรงพยาบาลมันเกิดอะไรขึ้น? ครูปุ้ม : วันที่ 24 ครูชลอาบน้ำเสร็จ แกหนาวสั่น แากเขียว โชคดีว่าบ้านพี่อยู่ห่างจากโรงพยาบาล 500 เมตร โรงพยาบาลก็ส่งรถมารับ ก่อนหน้านั้นครูชลเข้าโรงพยาบาลบ่อยด้วยภาวะน้ำท่วมปอด อาเสรี ตอนที่ได้ข่าวนี้ ตอนนั้นทำอะไรอยู่? เสรี : จริง ๆ ครูชลธีเข้าโรงพยาบาลบ่อย แต่เราไม่ค่อยได้ข่าวเท่าไหร่ แต่วันที่เราไปเยี่ยม ก่อนวันที่ 25 เราฝันว่าได้เจอครูชลธี เราก็เอะใจ เพราะไม่เคยฝันถึง พอดีจะไปงานศพ ตอน 11 โมงคิดในใจโทรไปถามดีกว่ามันจะได้หายข้องใจ เราก็ตกใจ พอโทรไปปุ๊บเขาบอกนับถอยหลัง ผมบอกเดี๋ยวผมไปตอนเที่ยงเลย ทำไมตอนนั้นพี่ปุ้มถึงได้แจ้งพี่เสรีว่านับถอยหลัง? ครูปุ้ม : มันเฟลหมดทุกอย่าง ลิ้นก็แข็ง อะไรก็แบบไม่ปกติแล้ว ณ ตอนนั้นอาการที่เราเห็นคือวิกฤติ เสรี : เราขับรถตั้งใจจะไป อย่างน้อยๆ ก่อนที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เราคิดว่าไปคุยกันดีกว่า พอไปถึงดูแล้วยังไม่ไปยังแข็งแรงอยู่ ในฐานะที่ผมเคยอยู่กับคนที่เสียชีวิตบ่อย เราจะสังเกตว่าคนที่ตะเสียชีวิตจะไม่หือ ไม่อือ จะหลับตาอย่างเดียว หน้าตาจะเปลี่ยนไป หมายความว่าคนเราก่อนจะตายมีเงาขึ้นมาก่อนเป็นสีเหลืองๆ เหมือนเราทาขมิ้น เราไปสังเกตแล้วยัง เลยทดลองถามว่าใครมาเยี่ยมรู้ไหม เขาบอกรู้ แสดงว่าสติยังดี เราถามให้เขาตอบ เขาก็ตอบตรงที่เราถาม ตอนที่เห็นครั้งแรก ห่วงหรือสบายใจ? เสรี : จริง...

หนิง ปณิตา เปิดใจครั้งแรก รับเหนื่อยชีวิตคู่ พูดชัดจะหย่าหรือไม่หย่า?! ลั่นเตรียมฟ้องบุคคลที่3

ออกมาเปิดใจครั้งแรก สำหรับปัญหาชีวิตคู่ของ ผู้จัดและพิธีกรมากความสามารถ หนิง ปณิตา กับสามี จิน จรินทร์ ที่มีประเด็นบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ หลาย ๆ...

เปิดชีวิตตลกที่ไม่ตลก! “อาฉี เสียงหล่อ”เคยขอใช้ “เชิญยิ้ม” แต่ “เป็ด เชิญยิ้ม” ไม่ให้! 

ห่างหายจากวงการไปนาน สำหรับ "อาฉี เสียงหล่อ" เจ้าของวลีเด็ด "บัดซบจังเลย" ที่ถ้าย้อนกลับไปเขาหนึในตองอูตลกคาเฟ่ ชื่อดัง แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป คาเฟ่ เริ่มหาย อาชีพตลกก็จางไปด้วย จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเจ้ามีข่าวว่าบ้านรถโดนยึด ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาชี้แจงแล้ว ล่าสุดมาออกรายการ “คุยแซ่บโชว์” เผยความรู้สึกหลังธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ พร้อมเล่าย้อนกลับไปกว่าจะมาเป็นตลก เพราะด้วยความเมา  เรามาเป็นตลกได้ไง? “จะเรียกว่าโชคช่วย หรือเรื่องบังเอิญ ไม่ทราบได้ คิดว่าเป็นพรหมลิขิตส่งให้เราเป็นแบบนี้ เป็นโชคชะตา ความใกล้ชิด จากเด็กเสิร์ฟที่ใกล้ชิดกับวงการตลก มันไม่ได้สวยหรู มันเริ่มจากความลำบาก เราใกล้กับคนเล่นตลก เราไปแอบดู เล่นตามพี่ๆ เขา เริ่มจากเรามึนๆ เมาๆ ขึ้นไปเล่นบนเวที ขำไม่จำไม่รู้ มีคนถามว่ามึงเล่นตลกได้เหรอ เราตอบกลับไปว่า พี่พาผมมา ผมก็ต้องเล่นได้ซิ เขาชวนไปเล่นที่งานผ้าป่า จากนั้นก็ไปเรื่อย” เล่นแรกๆ เป็นไงบ้าง? “ไม่รู้ว่าเล่นตัวว่าเล่นตลกหรอก เพราะชอบร้องเพลง ส่วนคำพูดว่าตลกนอกสายตา ซึ่งตอนนั้น มันยังไม่ดัง มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนมาพูดแบบนี้ ถ้าไม่ดัง มันก็นอกสายตาอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเขาไม่ชอบเรา เขาไม่เต็มใจจะร่วมงานกับเรา พอเราไม่ขำ ไม่ถูกใจเขา เรามันก็นอกสายตาอยู่แล้ว และเราเป็นตลกตอนนั้น พอคนดูไม่ขำ ทำให้แขกเขาเครียดจะมีปัญหาแบบนี้ เราก็ถอยดีกว่า มันเป็นเหตุการณ์ในคาเฟ่” ทำไมเราคิดว่าเราเป็นนอกสายตา เพราะตลกก็ต้องเล่นไปด้วยกัน? “คำว่านอกสายตา ไม่เกี่ยวกับคนดูนะ เกี่ยวกับเพื่อนฝูง ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าเพื่อนฝูงไม่เคยสนับสนุนผมเลย มีแต่ไล่ออก ตอนนั้นเราเล่นตลกไม่เป็น เขาไม่ได้อิจฉาเรานะ แต่ตอนนั้นเราเล่นไม่ได้ เขาจะเอาเราไว้ทำไม แต่เราไม่ยอมรับนะ กับการที่เขาว่าเรา เพราะเรายังอยากเล่นอยู่ ผมยังไม่ได้โชว์เลย แต่คุณตีตราไปแล้วว่าเราเล่นไม่ขำ” มุขไม่ขำ มันคืออะไร? “มันไม่ธรรมชาติ คนฟังไม่สนุก ดัดจริตเวลาเล่น มันก็ไม่ขำ มันต้องเล่นด้วยสัญชาตญาณของตัวเราเอง ไปบังคับขำมันก็ไม่ได้ด้วย” ตลกมันคือพรสวรรค์? “มันคือพรสวรรค์ บวกกับ พรแสวงด้วย แต่คนที่ไม่ตลก ก็ไปเรียนความเป็นตลกได้ มันอยู่ที่การเรียนรู้ ถ้าใจคุณชอบซะอย่าง อีกอย่างผมไม่ใช่เชิญยิ้ม ผมคืออาฉี เสียงหล่อ ผมเคยไปขอพี่เป็ดใช้เชิญยิ้ม แต่พี่เป็ดไม่ให้ผม ตอนนั้นไปขอที่รายการก่อนบ่ายคลายเครียด เขาก็บอกว่ามึงอาฉี เสียงหล่อดีแล้ว มันเป็นเอกลักษณ์ของเรา” หายไปไหนมา? “เขาไม่จ้าง เพราะเราดื้อในมุมของเรา เราไปทำธุรกิจของเรา แบ่งเวลาไม่ถูก ในการจัดการเราไม่ถนัด ปัญหานักแสดงที่มีปัญหาคือผู้จัดการ การจัดคิว เราเลยมาจัดการเอง แต่มีปัญหาเยอะ คิดเรื่องการแสดง การจัดคิวตัวเอง ไม่มีใคร 100% หรอก และที่เราหายไป เราไม่ยึดติดมันเป็นเรื่องของวัฏจักร” หรือเพราะดังจนไม่รับงาน จนฉีกตัวออกมา? “ผมไม่ทราบ ไม่เอ่ยถึงบุคคลที่สาม เราตีโจทย์ชีวิตเราเองว่าเราทำอะไรอยู่ เราเป็นอะไรก็ได้ ไม่มีคำว่าสุดยอดหรือว่าดีที่สุด แต่ก็มีน้อยใจในโชคชะตา เพราะเราเป็นมนุษย์ ผู้ใหญ่ไม่สนับสนุน แต่เราก็ปล่อยวาง” เลยผันตัวไปเป็นพ่อค้า? “ไม่ได้ผันไปไหน ยังรับงานอยู่ แต่ที่ขายลาบเพราะเราเป็นคนอีสานด้วย เปิดที่บางใหญ่และราชบุรี เปิดในช่วงโควิดตอนนี้รายได้ก็อยู่ได้ ส่วนมีข่าวว่าจะโดนยึดบ้านยึดรถ ไม่ได้ยึดในช่วงโควิด มันจะโดนยึดมาตั้งนานแล้ว โควิดมันแค่อดอยากเฉย ๆ มันชักหน้าไม่ถึงหลัง พอโควิดมันก็เกิดหนี้สิน แค่หลักแสน แต่ก็ไม่หนักอะไรมาก เพราะตอนนั้นเงินไม่เหลือเลย ยืมคนอื่นบ้าง เราพกตังค์ไม่ได้ เพราะช่วงที่เรามีก็ใจใหญ่ ดื่มกินเราก็แบ่งปันเพื่อน ๆ” ตอนยึดบ้าน ยึดรถ ตอนนั้นรู้สึกยังไง?...

“หญิง นราวัลย์” ใจกว้าง ยอมให้สามี “ลิฟท์ สุพจน์”  ไปซื้อกิน 

คู่รัก Y2K อย่าง นักร้องหนุ่ม ลิฟท์ สุพจน์ กับภรรยาคนสวย หญิง นราวัลย์ ที่วันนี้จะมาอัปเดตความน่ารักของลูกสาวน้องพราว วัย 12 ปี พร้อมเปิดใจความรัก 14 ปีที่ตอนนี้มีปัญหาถึงขั้นแยกห้องนอนกันแล้ว แถมพี่หญิงยอมให้พี่ลิฟท์ไปซื้อกินได้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มีหนิง ปณิตา และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ เป็นคู่ที่อยู่ด้วยกันยาวนานคือ 14 ปี? ลิฟท์ : แต่งงานมา 14 ปี แต่ก่อนหน้านั้นน่าจะประมาณ 18-19 ปีได้ หญิง : คือคบกันมา 4 ปีถึงจะแต่งงาน ตอนนี้มีพยานรัก 1 คน น้องอายุเท่าไหร่แล้ว? ลิฟท์ : 12 ปี ก็ตามวัย ตอนนี้เขาเริ่มโต เขารักสวย รักงาม เริ่มแต่งหน้า อยากทาเล็บ แต่นิสัยจะออกทางแม่เขา บางทีเอาแต่ใจ บางทีมีอะไรก็ปรี๊ดๆ นิดนึง หญิง : คือเขาก็มีความเหมือนคุณพ่อ คือขี้เล่น อารมณ์ดี ชอบแหย่ ชอบแกล้ง ที่ลูกเอาแต่ใจ อยากถูกสปอยล์แบบนี้ เพราะคุณพ่อเริ่มก่อน? หญิง : ใช่ คุณพ่อเป็นสายสปอยล์? ลิฟท์ : มันก็ปฏิเสธลำบาก เรามีลูกสาวก็อยากดูแลเขาให้ดีที่สุด บางทีเราเห็นเขาอยู่ในวัยอย่างนี้ เราก็กลัวถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็ไม่คุ้ม หญิง : อยากสนิทกับลูก อยากให้ลูกไว้ใจ เขาสปอยล์ทุกอย่าง พี่จะเป็นคนเจ้าระเบียบ เรื่องเล่นเกมพี่จะพยายามเบรกไว้ แต่พอเขาไม่ได้จากพี่ปุ๊บก็จะไปหาพ่อ ไปกระซิบกัน 2 คน เดี๋ยวป๊าซื้อให้ ๆ ซึ่งพี่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าถ้าหนูเป็นเด็กดีถ้าทำตัวดีอย่างนี้ๆ ถึงเวลามี๊ให้ แต่พอเราตั้งกฏขึ้นมานี่แวกไง ถ้าอย่างนี้ก็ต้องทะเลาะกัน? หญิง : มีเถียงกันบ้างทำไมทำอย่างนี้ แต่ไม่ถึงทะเลาะ แต่นั่งคุยกัน เขาก็โอเค ๆ คราวหลังหม่ทำแล้ว แต่ก็เอาอีก ไปนั่งซุบซิบกันสองคน มันเลยทำให้พี่หญิงเกิดความน้อยใจลูกขึ้นมา? หญิง : ใช่ เพราะเขารักพ่อมาก ติดพ่อมาก ตลอดเวลาจะต้องตัวติด ต้องนั่งตัก เกี่ยวแขน เกี่ยวขาตลอดเวลา ซึ่งมันก็ดีแต่ฉันเลี้ยงเธอมา ฉันรู้ใจเธอที่สุด ทำไมเธอไม่ทำแบบนี้กับฉันบ้าง ลิฟท์ : จริงๆ พี่หญิงเขาเป็นคนตรงๆ เขาไม่ชอบเล่นอะไรกุ๊กกิ๊ก...

“แมน การิน” ควงภรรยา เผยเหตุทำไมต้องเซ็นใบหย่า พร้อมประเด็นผู้หญิง ทุ่มเงินหลักล้านขอนอนด้วย

เป็นอีกหนึ่งครอบครัวคนบันเทิงที่คลั่งรักมาก ๆ สำหรับ แมน การิน และภรรยาคนสวย เกล รดา พร้อมกับลูกชาย น้องกราฟ มาเปิดใจเรื่องราวความรัก 14 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ น้องกราฟปีนี้ 1 ขวบ 9 เดือน? แมน : ใช่ครับ พัฒนาการเป็นยังไง? แมน : ด้วยความที่อยู่กัน 24 ชม.โดยเฉพาะเกล จะได้เห็นพัฒนาการค่อนข้างเยอะ สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของการพูด พูดเร็วกว่าปกติ พูดรู้เรื่องเป็นประโยค เดินตั้งแต่ 9 เดือน ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ทำหน้าที่แทนกันได้หมด อย่างเช่น? เกล : ได้หมดเลย ยกเว้นให้นม บ้านนี้มีกฎ ตั้งกฎสำคัญไว้เลยว่าอันนี้ต้องทำกับลูก? แมน : นอนกับเขาทุกคืน บ้านนี้เรื่องลูกต้องดีเบตกัน? เกล : คือมุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมานั่งประชุมกัน นั่งดีเบตกัน หาจุดตรงกลางที่เหมาะกับเขาที่สุด อย่างเรื่องโรงเรียนให้เขาตัดสินใจกัน เรื่องความรักคู่นี้คบกันมา 17 ปี? เกล : ใช่ ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปบ้างไหม? เกล : ความสม่ำเสมอของเขาก็มี แต่บางเรื่องก็มีเปลี่ยน 1.โฟกัสเราเปลี่ยน พอโฟกัสเราเปลี่ยนบางเรื่องก็มีละเลยกันบ้าง มานั่งจับเข่าคุยกันบ้าง ผสม ๆ กันไป มีทะเลาะกันไหม? เกล : ทะเลาะนะ ดูเหมือนคุณยอมนะ?...

“กระแต อาร์สยาม” น้ำตาคลอ!  เกือบตายเพราะโดนวางระเบิด  สงสารคนเข้ามาด่า ถามกลับชีวิตมีปมเหรอ?

นาทีนี้ต้องยกให้เธอ “กระแต อาร์สยาม” ที่สร้างความฮือฮาไม่หยุดกับท่า “แหกกีพีระมิด” จนกลายเป็นไวรัลในโลกโซเซียล เสียงชมก็มี แต่เสียงวิจารณ์ก็มากมาย ล่าสุดมาออกรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร ยอมรับว่าตนเองเป็นคนที่ทำอะไรสุดอยู่แล้ว โนสนโนแคร์คำวิจารณ์ พร้อมเข้าใจคนที่ดรามา อาจจะมีปมในใจ พร้อมเผยเรื่องสุดเซอร์ไพร์ส อีก 2 ปี แต่งแน่ และอยากมีลูกแฝด รวมไปถึงเล่าเรื่องเสียน้ำตา หนีตายจากการโดยวางระเบิด 3 ลูกติด ทำไมต้องสุดอะไรขนาดนี้? “หนูเป็นคนที่ทำอะไรสุดทุกอย่าง เพราะทาเก็ตเราคือแม่ๆ น้องๆ เขาจะรอดู จะได้อิ่ม ส่วนท่าพีระมิด มันเป็นเพลงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับความงามก็นึกถึงคลีโอพัตรา และท่าเต้นแบบมัมมี่ เต้นแบบหัก ๆ (ยิ้ม) และที่มันสั้นเพราะเป็นเพลงโฆษณา ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าทำอะไรไป แล้วต้องโดนอะไร เรามองว่าเป็นความปกติ มีคนชอบและต้องไม่มีคนชอบอยู่แล้ว และสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าโดนแน่นอน แต่อยากให้มองลึกลงไปว่าเป็นศิลปะ ว่าเป็นความยาก ความแข็งแรง ท่าพีระมิดมันยากมาก ฉีกขา กลับหัว แต่ต้องสวยงามด้วย เพราะสวยก็มาก ท่ายากอีกด้วย (ยิ้ม) เพราะเราทำใจไว้แล้ว” คอมเมนท์ไหน? ที่ยังรับไม่ได้ “อยู่มาเกือบ 20 ปีในวงการบันเทิง ณ ตอนนี้รับได้ทุกคอมเมนท์ เฉย ๆ กับคอมเมนท์ที่เป็นท็อกซิก เวลาเลื่อนมาเจอหนูชินแล้ว เพราะเจอมาโดยตลอด เอาจริง ๆ ไม่ได้โกรธเลย เพราะเราไม่ได้รู้จักเขา และไม่อยากเอาพลังลบมาใส่ในชีวิตตัวเอง และสงสารด้วยซ้ำ กับการที่เจอคนมาด่าเพื่อความสะใจตัวเอง หนูคิดว่าชีวิตเขาต้องมีปมไหม การที่ชีวิตคนเรามีความสุขพอ เขาจะไม่หยิบพลังลบให้คนอื่น” กระแต เคยฟาดกลับไหม?  “เราเป็นคนตรง ๆ ที่เราตอกกลับ เพราะอยากให้มีประเด็นเฉย ๆ ไม่ได้อยากตอกกลับเลย แต่พอตอกกลับก็เป็นข่าวลึก ๆ เราก็อยากอธิบายในมุมของเราเท่านั้นเอง ก็ตอบหน่อย สร้างกระแสหน่อย โปรโมทเพลง (หัวเราะ)”...

“ขวัญฤดี-ปู อนุวัฒน์” ควงลูกสาว ออกรายการในรอบ 20 ปี คุณพ่อหวงถึงขั้นสืบประวัติคนที่มาคุย?

เรียกได้ว่าเป็นการเปิดใจพร้อมกันทั้งครอบครัวครั้งแรกในรอบ 20 ปี สำหรับ ครอบครัว ขวัญ ขวัญฤดี ปู อนุวัฒน์และลูกสาว น้องหยดน้ำ นัดดาภรณ์ กับเรื่องราวที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อนผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ รู้สึกยังไงที่นั่งแล้วมีพ่อ แม่ ขนาบอยู่ต่อหน้าคนทั้งประเทศ? หยดน้ำ : ตื่นเต้น หยดน้ำจำได้ครั้งล่าสุดที่ออกรายการกับคุณพ่อ คุณแม่ น่าจะประมาณ 2-3 ขวบ ปีนี้หยดน้ำอายุ 25 ค่ะ เราเป็นครอบครัวนักแสดงทั้งคู่ ตอนนั้นมีหยดน้ำด้วย แบ่งเวลาดูลูกยังไง? ปู : จริง ๆ เราดูคิว จะจัดคิวไม่ตรงกัน ต้องมีคนหนึ่งนอนกับลูกทุกวัน หยดน้ำ : ใช่ ๆ ค่ะ หยดน้ำติดพ่อกับแม่มาก นอนกับคนอื่นไม่ได้เลย คุณย่า คุณยาย นี่นอนไม่ได้เลย ตอนนั้นยากไหม? ปู : เราจะคุยคิวกันก่อนว่าปูรับคิววันนี้ ๆ นะ เมื่อก่อนเราไม่รับละครซ้อน คิวก็จัดง่ายหน่อย อาชีพนักแสดงของพ่อ แม่ ไม่น่าเป็นอาชีพที่เราชอบเลยตอนเด็ก? หยดน้ำ : ใช่ค่ะ ตอนเด็ก ๆ รู้สึกว่ามันทำให้พ่อ แม่ ไม่มีเวลาให้เราเหมือนพ่อ แม่ คนอื่น เหมือนตอนนั้นหยดน้ำอยู่โรงเรียน พอตอนเลิกเรียนพ่อ แม่ เพื่อนก็มารับ เสาร์ อาทิตย์เขาก็ไปเที่ยวกัน เหมือนหยดน้ำก็คือถ้าจะไปเที่ยวกับที่บ้านคือต้องลา หยุดเรียน แล้วก็ไปกัน ก็เลยรู้สึกว่าทำไมเขาไม่มีเวลาให้เราเหมือนคนอื่น แบบนี้คุณพ่อ คุณแม่รู้มาก่อนไหม? ปู : ก็มีคุณย่าดูแล หยดน้ำ : ตอนเด็ก ๆ ก็มีร้องไห้ เมื่อไหร่แม่จะเลิกถ่ายละคร ไม่ไหวแล้ว ชีวิตจริงพ่อ แม่ ไม่มีเวลา แล้วในละครมีลูกด้วย เสียใจหนักกว่าเก่า? หนดน้ำ : ตอนนั้นเสียใจมาก ทำไมเขาไม่รักเรา เขารักคนอื่น...

“ต่าย เพ็ญพักตร์” รับเป็นคนโมโหแรง ความอดทนต่ำลง พร้อมเผยเรื่องถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต!

สาวแซ่บสองพันปี ต่าย เพ็ญพักตร์ เปิดตำนานในวงการบันเทิงกว่า 47 ปี เผยนิสัยที่น้อยคนจะรู้เป็นคนโมโหแรง  ลั่นของจริงไม่พูดเยอะ!  ชีวิตในวัย 62 ความอดทนต่ำลงเพราะอะไร?  แถมยังประกาศไม่เปิดใจให้ใคร พร้อมเผยมุมมองความเชื่อขั้นสุดถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต! ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์พรชิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง ดำเนินรายการ อยู่ในวงการมา 47 ปี? ต่าย : เริ่มจากการประกวดนางงาม เค้าเฟ้นหานางเอกหน้าใหม่เข้าวงการ ก็ได้ตำแหน่งแล้วได้เล่นหนัง ตอนเด็กอยากเป็นตำรวจ อยากเป็นทหาร ไม่ได้มองเรื่องวงการบันเทิงเลย คุณแม่เป็นคนพาเข้ามาประกวด เราก็เลยตามเลย มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ก็สนุกดี เล่นหนังก็เริ่มถ่ายแบบ เดินแบบ ได้เล่นละคร ก็มีคนมาชวนไปร้องเพลง เราก็ลองดู สวยแซบมีคนพร้อมเปย์? ต่าย : มีค่ะ ยุคนั้น แต่เราก็บอกเค้าไปตรงๆว่ายังมีมือ มีเท้า มีสมองอยู่ค่ะ  มีเจอโรคจิตบ้างมั้ย? ต่าย : สมัยก่อนอยู่อพาร์ตเมนท์ ก็มีโทรมา พี่ก็ด่าเลย เค้าก็หายไป เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อายุประมาณ 50 ใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปอีกครั้งนึง? ต่าย : ช่างภาพเป็นช่างภาพที่เราสนิทกัน เราไว้ใจกันว่าต้องถ่ายออกมาดี ไม่มีภาพอะไรหลุดแน่นอน ยุคนี้มันค่อนข้างยากนิดนึง ยุคหนังสือมันหมดไปแล้ว แต่ถ้าจะลงไอจีต้องคิดให้ดีเพราะมันเป็นโซเชียลมาก ปีนี้ความอดทนน้อยลง? ต่าย : ด้วยวัยก็มีส่วน เราเจอทุก ๆ อย่างในชีวิตมาค่อนข้างเยอะ แล้ววันนึงมาเจออะไรซ้ำๆที่มันไม่เคยเปลี่ยนเลยเดี๋ยวนี้ปิดหูหลับตาไม่อยู่ ก็ต้องจำกัดการรับงานของตัวเองด้วย เพื่ออารมณ์ตัวเองตะได้ไม่เหวี่ยง จะไม่เหวี่ยงในกองแต่ผู้จัดการจะเป็นที่ระบาย ตอนหลังก็ควบคุมตัวเองให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ รับงานที่เราอยากทำแล้วมีความสุข เป็นคนไม่ชอบปะทะ เรารู้ว่าเราเป็นคนอารมณ์แรง ภาพมันจะดูไม่ดีเลย เคยฟิวส์ขาดมั้ย? ต่าย : สมัยก่อนมีค่ะ ไม่พูดจา เดินเข้าไปก็ซัดเลย เราจะไม่ชอบคนโกหกเรื่อยๆ เราเป็นคนให้อภัยแค่ 2 ครั้ง เรื่องงานต้องดูด้วยเหตุและผล ถ้าเรื่องความรัก มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้ามีนิสัยโกหกเป็นพื้นฐานเราไปแก้เค้าไม่ได้เราถอยดีกว่าดีที่สุด หน้าดุ จริง ๆ เป็นคนยังไง? ต่าย : หน้านิ่งอยู่แล้ว แต่จริงๆสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ อยู่คนเดียวได้ มีหน้าเป็นอาวุธ ไม่ได้เป็นคนดุเป็นคนหน้านิ่ง เปิดใจรับหนุ่ม...

“บิ๊กเอ็ม” เปิดใจครั้งแรกหลังฝ่ามรสุมดราม่า เครียดหนักไอเป็นเลือด ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่?

พระเอกหนุ่มมาดเข้ม บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์  เปิดใจครั้งแรกหลังฝ่ามรสุมดราม่า โดนช่องปลดแบบฟ้าผ่า เครียดจัดถึงขั้นไอเป็นเลือด ไม่อยากมีชีวิตอยู่? พร้อมเล่าชีวิตหลังผ่านมรสุมมาเป็นนักแสดงอิสระ ย้อนชีวิตสุดลำบากในวัยเด็ก ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เป๊กกี้ ศรีธัญญา และพีเค ปิยวัฒน์ ดำเนินรายการ เป็นนักแสดงอิสระ? บิ๊กเอ็ม : หวิวๆเหมือนกัน เมื่อก่อนเราอยู่ในบ้าน ตอนนี้เราต้องออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่รู้สึกถึงอิสระภาพในการทำสิ่งต่างๆ ได้ร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆที่เรายังไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมงาน การรับงานปัจจุบัน? บิ๊กเอ็ม : คุณแม่เป็นผู้จัดการ เค้าช่วยดู มรสุมชีวิต รู้สึกอยู่แล้วว่าต้องโดนยกเลิกสัญญา? บิ๊กเอ็ม : เตรียมใจมาสักพักนึงแล้ว เพราะข่าวมันรุนแรงมาก ผมอยู่กับช่องมานาน รู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่นอน เตรียมใจว่ามันจะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง สุดท้ายทางช่องโทรมาวันที่ 6 มกราคม ช่วงเช้า คิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน หัวใจเต้นแรง ผมขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าขอให้เป็นข่าวดีแล้วกัน แต่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้ใหญ่อธิบายให้ฟังตั้งแต่เกิดเรื่อง มันจำเป็นที่ต้องขอยุติสัญญาจริงๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบกับช่อง ผมพูดไม่ออกพูดได้แค่ครับ  หลังจากโทรหานานมั้ยกว่าช่องจะยกเลิกสัญญา? บิ๊กเอ็ม : โทรหาตอนเช้า ตอนบ่ายก็ประกาศครับ เราเคว้งมาก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พอเรามาเป็นอิสระแล้วไม่รู้ว่ายังทำงานในวงการบันเทิงได้อีกหรือปล่าว มันกลัวไปหมดเลย เครียดจนอ้วกเป็นเลือด? บิ๊กเอ็ม : เป็นเหตุการณ์ช่วงก่อนวันสิ้นปีครับ เรารู้ว่าเปิดปีใหม่ต้องโดน? บิ๊กเอ็ม : มันเป็นช่วงที่ข่าวกำลังร้อนมาก ๆ ผมก็เครียด มันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญก่อนที่ผมจะออกไปพูดกับพี่ณวัฒน์ คืนนั้นผมรู้สึกแย่มาก กินข้าวไม่ได้ กินได้ทีละคำ นอนทั้งวัน ร่างกายก็ผอม คืนนั้นอ้วกออกมามีสีแดงปน เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปทำบุญ เดินไม่ไหวขับรถไม่ไหว นั่งเหมือนไม่มีวิญญาณ ข้ามปีใหม่กอดกับคุณแม่ร้องไห้? บิ๊กเอ็ม : วันสิ้นปีมันควรเป็นวันของการเฉลิมฉลอง มีความสุข แต่ครอบครัวผมไม่ใช่ ผมนั่งสวดมนต์ข้ามปีกับคุณแม่ที่ห้องพระ สวดจนข้ามปี ผมให้แม่อวยพรให้ เพราะวันรุ่่งขึ้นผมต้องไปแถลงข่าวกับพี่ณวัฒน์ ผมกอดแม่แล้วร้องไห้ คิดไม่อยากอยู่แล้ว? บิ๊กเอ็ม : ไม่ถึงขั้นนั้น ผมเป็นคนต่อสู้ชีวิตมาก่อน ผมรักและหวงแหนตัวเองมาก กว่าที่เราจะมาถึงตรงนี้ได้ ยืนจุดนนี้ได้มันผ่านอะไรมาเยอะ แต่มีความรู้สึกแวบนึงถ้าพรุ่งนี้เราไม่ตื่นละ เรื่องราวพวกนี้จะยังอยู่มั้ยหรือจบลง มันก็คิดแค่นี้ กำลังใจจากใครดีที่สุด? บิ๊กเอ็ม : คนแรกเลยคือคุณแม่ บางอย่างที่ข่าวเกิดขึ้นบางทีผมไม่ได้มีที่ปรึกษา เราปรึกษากันเองแม่ลูก พอมีอะไรผิดพลาดไป เราก็อยู่กัน 2 คน มีคืนที่ผมบอกแม่ว่าไม่ไหว วันรุ่งขึ้นผมต้องไปคุยกับพี่ณวัฒน์ แม่โทรคุยกับพี่ที่สนิทกันว่าผมจะไม่ไหวมั้ยไม่รู้ แต่มันต้องสู้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะจบแค่นี้ก็เป็นเวรกรรมของเรา แต่ถ้าเราได้ไปต่อก็ถือว่าเราคิดถูก แม่ให้กำลังใจลุกขึ้นมาสู้ มันเรื่องแค่นี้เราไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่รักและสนับสนุน แฟนคลับก็อยู่เคียงข้างผมตลอด รักและขอบคุณมาก...