ได้เวลาของ “เซย่า” Lil’ Brat Records”  (ลิต ‘ แบรท เรคคอร์ด) ลุยงานซิงเกิลแรก


ค่ายเพลง    Lil’ Brat Records”   โดยการบริหารงานของ “พีท ทองเจือ และ  เจง วิไลลักษณ์  ทองเจือ”   หลังจากที่ปล่อยเพลง “MiNi HEART” และ “Get Like Me” ของ “มิย่า พิชชา ทองเจือ” ออกมาเป็นศิลปินเบอร์แรก วันนี้ถึงเวลาของ “เซย่า-ณิชฎา ทองเจือ” หลังจากไปออกรายการ “ร้องข้ามกำแพง” The Wall Song ที่ร้องเพลงคู่กับ  เจฟ ซาเตอร์

พีท ทองเจือ ได้โพสต์ข้อความ “It’s your time, bae”  และ วันนี้ก็มาถึงวันของ “เซย่า”  เพลงแรกของเซย่าน่าจะออกมาให้ได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ การทำเพลง เขียนเพลง เข้าห้องอัดต่าง ๆ อยู่ในขั้นตอนที่พร้อมเกือบ 90 % ส่วนที่เหลือ 10 %  คงคือรายละเอียดต่าง ๆ เรื่องภาพ เรื่องของลุคส์ มู้ดแอนด์โทน การถ่ายภาพที่จะนำมาใช้เพื่อโปรโมทพร้อม ๆ กับเพลงแรกเพลงนี้ วันนี้ไปฟัง “พีท – เจง” เล่าถึงการทำงานครั้งนี้กัน     

ค่าย Lil’ Brat Records ( ลิต(เติล) แบรท เรคคอร์ด ) ที่ทำอยู่ กี่ปีแล้วครับ ตอนนี้การทำงานเป็นอย่างไรบ้างครับ ?  

คุณพีท  ;    “ค่ายเราเปิดมาได้ 4 ปีแล้วครับ เริ่มจากมิย่าที่เราได้ปล่อยเพลง ‘MiNi HEART’ (ซิงเกิลแรก) และ ‘Get like me’ (ซิงเกิลที่ 2) ที่เราทำเพราะน้องๆ ทั้งสองคนเขาชอบ รัก ในการร้องในการเต้น ทั้งคู่เรียนร้องเพลงเรียนเต้นตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ตอนที่เรียนไปเขาก็ได้ลงในโซเชี่ยลแพลตฟอร์มต่างๆ พอตอนอายุ 11-12 เขาก็เริ่มมีเพื่อนๆ มีคนติดตามเขาเยอะขึ้น และได้เห็นพัฒนาการต่างๆ เราจึงเริ่มที่จะมาๆทำเพลงให้เขากัน และบวกกับเราได้โปรดิวเซอร์ที่เก่ง ทีมงานที่ดี เราจะทำฟังกันเองก็ไม่ได้แล้ว ทำกันแบบจริงจังกันเลยดีกว่า”   

คุณเจง  ;  “ตอนนั้นตัวเซย่าเองก็อยู่ที่เกาหลีด้วยคะ การคิด การดีไซด์ ไอเดียต่างๆเขาคิดให้น้องเสร็จ เขาก็จะออนไลน์ ส่งงานต่างๆ คุยกัน ประชุมกัน ทำงานกันข้ามประเทศมาเลยคะ แล้วอีกคนที่เป็นญาติเจงที่ทำงานด้านกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ ก็จะคอยประสานงาน และทำงานร่วมกันที่ไทยคะ คือทำงานกันผ่านโน๊ตบุ๊ค 3คน ผ่านกันคนละเครื่องทำงานไปด้วยกัน เซย่า , มิย่า และอีกคนคะ ซึ่งมันเหมือนพรสวรรค์ก็ว่าได้ตอนที่เซย่า 9 ขวบ เขาก็เริ่มตัดต่อวิดีโอ ชิ้นงานอะไรง่ายๆ ของเขาได้แล้วคะ ตามประสาเด็ก ถ่ายน้องๆ ทำเป็นคลิปวิดีโอสั้น ๆ มาตัดลงเสียงเองทำเอง แล้วก็เอาไปลงในออนไลน์ ที่เห็นคลิปต่าง ๆ ที่น้องคัฟเวอร์เพลง คลิปอะไรต่าง ๆ ก็คือฝีมือเซย่าเองทั้งหมดคะ”  

พี่พีทเองในฐานะคนที่อยู่ในวงการบันเทิง ที่ทำงานทั้งเรื่องการแสดงมาทั้งชีวิต รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลูกๆ เขามาอยู่ ณ จุดนี้ครับ ?  

คุณพีท  ;    “จริง ๆ ถ้าถามผม ผมไม่ได้อยากให้เขาทำงานในวงการ หรือมาทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานบันเทิงเลยนะครับ เพราะว่าคนที่ทำงานบันเทิงมันเหนื่อยครับ ตัวผมเองเราก็ผ่านตรงนั้นมาแล้ว เรารู้ว่ามันเหนื่อย ต้องทุ่มเท ต้องมีระเบียบวินัย ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเราเองตลอดเวลา แต่พอมาเห็นว่านี่คือสิ่งที่เขาชอบ เขารักที่อยากจะทำ มีความสุขที่ได้ทำมัน และก็ถึงเวลาของพวกเขาเราก็พร้อมสนับสนุนเขาเต็มที่ครับทั้ง มิย่า และ เซย่า อย่างเซย่าเมื่อตอนที่เขาได้โอกาสไปหาประสบการณ์ทีเกาหลีเราก็บอกให้เขาทำให้เต็มที่ และเมื่อเขากลับมาเราก็คุยกันเรามาโฟกัสเรื่องเรียนกันก่อน เดี๋ยวค่อยไปว่ากันในเรื่องของงานเพลง งั้นเราก็ลองมาทำมาเรียนด้านนี้ให้มันออกมาให้เต็มที่ออกมาดีที่สุด พอปริญญาโทค่อยไปเรียนด้านงานการบริหารก็ได้ คุณจะได้แข็งแรงในสายงานอาชีพของคุณ ตอนนี้เขาก็เรียนที่ มหาวิทยาลัยศิปากรครับ อายุ 19 เรียนอยู่ปี 3 แล้วครับ ผลการเรียนก็ออกมาดี ดีมากด้วยครับ ส่วนในเรื่องของงานเพลงเซย่าก็ยังมีคัฟเวอร์มีร้องมีทำคอนเท้นต์กับมิย่า ร้องเล่นๆ มาตลอด ไม่ได้ทิ้งในสิ่งที่รักไป ก็หาทิศทางจังหวะที่เหมาะ สมที่สุด คือค่ายเราก็ไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งก็มาลงตัวในช่วงนี้ว่าเราจะมีงานซิงเกิลแรกสำหรับเซย่า”  
 
คือเป็นช่วงจังหวะที่ดี ได้เวลาของ “เซย่า” แล้ว  สำหรับการทีเพลงแรกเป็นของตัวเอง ?

คุณเจง  ; คือจริง ๆ แล้วบางทีอาจจะมีคนมองว่า การเป็นลูกพี่พีท การเป็นลูกดารา นักแสดง คนจะคิดว่าน่าจะได้อะไรมาง่ายๆ ทั้งโอกาส ทั้งการทำงาน แต่สำหรับตัวเซย่าเองแล้ว  กับเด็กในวัยอายุ 15 ในตอนนั้นตอนที่เขาต้องไปเก็บตัวที่เกาหลีเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะๆมากเลยนะ มีน้อยคนมากๆ ที่จะได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ตัวเจงเองก็ลุ้น เอาใจช่วยเขาว่าวันนี้วันที่เป็นช่วงเวลาของเซย่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พยายามที่จะให้เขากลับมาทำในสิ่งที่เขารัก ซึ่งก่อนหน้านี้เจงเห็นว่าน้องคิดว่าตัวเองไม่พร้อม ป่วย น้ำหนักขึ้น การถูกปลูกฝังจนกลายเป็นมายเซ็ตว่าการจะเป็นนักร้องต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้  เจงเข้าใจนะว่าเด็กเขาคิด เขารู้สึกอย่างไรบ้าง มีความกดดันอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง เราก็ทั้งห่วงใยและต้องเข้าใจเขาในขณะเดียวกัน และพร้อมที่จะให้พลัง ให้การสนับสนุน ให้เขากลับมาทำในสิ่งที่รักที่ชอบให้ได้ในที่สุดคะ”

การทำงานเพลงๆ แรกของเซย่า มีขั้นตอนยังไงบ้างครับ  ? 

คุณเจง  ;  “พอดีพี่โปรดิวเซอร์ที่ทำงานให้เซย่า คือคนที่เราเคยคุยกันตั้งแต่ก่อนที่น้องจะไปเกาหลีคะ ตอนนั้นเราเตรียมเพลงที่จะทำอะไรให้น้องแล้ว แต่น้องเองต้องเดินทางไปเกาหลี เราเลยจึงหยุดตรงนั้นไว้ก่อนและเก็บงานตรงนั้นไว้ และเมื่อน้องกลับมาแล้ว และพร้อมที่จะมาทำเพลงกันก็เลยมาคุยกันอีกครั้ง แล้วก็นำงานที่เราเคยคิดกัน คุยกัน มาพัฒนากันอีกครั้งคะ กับเซย่าเราก็คุยกันว่ามันถึงเวลาที่เราจะมาตามฝันของเรากันได้แล้ว มาทำงานเพลงกัน แล้วเราก็เริ่มทำงานกับพี่โปรดิวเซอร์คนเดิมของเรากันคะ” 
 
พี่พีทได้โพสต์ถึงเซย่า “ถึงเวลาแล้วลูก” ( iT S YOUR TIME, BAE ) ?

คุณเจง  ;  จริง ๆ แล้วกับคำว่าถึงเวลา ได้เวลาแล้ว ตัวเซย่าเองตั้งแต่แรกควรจะถึงเวลาในการมีงานเพลง มีซิงเกิล ก่อนน้อง ๆ แต่บังเอิญว่าตัวเขาเองมีเส้นทางที่ต้องไปทำไปฝึกในการเป็นศิลปิน และเมื่อกลับมาก็คือพวกเราก็คุยกันและให้เขาพัก ดูแลตัวเอง แล้วก็รอเวลาที่มันเป็นช่วงที่ดีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาคะ  ตัวน้องสาว   มิย่าก็มีผลงานออกมาแล้ว น้องโรเตอร์ก็มีอาชีพเป็นนักแข่งรถ ทำในสิ่งที่เขารักแล้ว ไปแข่งในระดับต่างประเทศซึ่งอนาคตของตัวเขาๆรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นอะไร และทำได้ดีด้วยอย่างที่ฝึกซ้อม ทุ่มเท ตั้งใจ พยายามทำมันให้ดีที่สุด ที่นี่ตัวเซย่าเราทุกคนมองว่านี่แหล่ะคือช่วงเวลาที่ดีที่เหมาะสมที่สุด เรื่องร่างกาย จิตใจ ความพร้อมทุก ๆ อย่างมันลงตัว เซย่าพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ตัวเขารักที่สุดแล้ว เพราะว่าเรื่องการร้องเพลงการได้คิดได้สร้างสรรค์อะไรที่เกี่ยวกับงานเพลง พ่อกับแม่ ได้เห็นมาโดยตลอดตั้งแต่เราพาเขาไปเรียนร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบรักมัน อยากทำมัน ร้องแล้วมีความสุขทุกๆ ครั้งตั้ง 
แต่เด็กเราเห็นสิ่งนี้มาโดยตลอดคะ มันคือสัญญาณที่บอกเราเสมอมาว่านี่คือความฝันของเขาที่ไม่เคยหายไปเลย และวันนี้นี่คือเวลาของเซย่าแล้วคะ”
 
คาดหวังกับการทำงานครั้งนี้  การปล่อยซิงเกิลเพลงนี้ยังไงบ้างครับ ?

พี่พีท  ;  จริง ๆ แล้วผมอยากให้เขาทำให้เต็มที่ที่สุด ความสำเร็จของเราคือ การที่เซย่าได้มี ซิงเกิลแรกของตัวเอง มาสเตอร์ทำเสร็จ เอ็มวีถ่ายเสร็จตัดต่อเรียบร้อย ผลงานเป็นที่น่าพอใจ เป็นตัวเขามากที่สุด เขาผ่านอะไรมาเยอะแล้วการได้ทำงานครั้งนี้ออกมามันเหมือนเราได้ขยับเซย่าขึ้นมาอีกขั้นนึงของชีวิตเขาแล้วครับ นี่คือการเดินทางของตัวเขาเองกับแฟน ๆ เพลง คนที่รักเขา คนที่ให้การสนับสนุนเขา เฝ้าดูติดตาม ที่รอเขาอยู่ ทุก ๆ คนที่ซัพพอร์ตเขาจะเป็นคนพาเขาออกไปสู่ความฝัน ไปสู่ในสิ่งที่เขารัก และให้กำลังใจเขาครับ”  

About Author