“สมาคมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย” หารือ “เพื่อไทย” ชูผลักดันไทยเป็น Festival Hub ระดับโลก

เพื่อไทยหารือสมาคมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย ชูผลักดันไทยเป็น Festival Hub ระดับโลก กระจายรายได้-สร้างงานให้คนไทยในอนาคต มั่นใจผลักดันนโยบาย Soft Power ส่งเสริมท่องเที่ยวไทย ช่วยสร้างรายได้ประเทศทะลุ 3 ล้านล้านบาท

สมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย นายเอ็ดเวิร์ด กิตติ เข้าพบแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช ประธานคณะนโยบาย, นางนลินี ทวีสิน ประธาณคณะทำงานนโยบายต่างประเทศ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย หารือถึงแนวทางการผลักดันให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจัดอีเว้นท์ระดับโลก เช่น คอนเสิร์ตอีดีเอ็ม การจัดประกวดดีเจในไทย ตลอดจนการจัดแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทย พร้อมทั้งถ่ายทอดไปยังรายการในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมในไทย

นายเอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสใช้ผ้าไหมของมูลนิธิโครงการหลวง จึงได้รู้ว่าผ้าไหมไทยเป็นสินค้าพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ เพราะผ้าไหมแต่ละชิ้นถือเป็นสินค้าที่แตกต่าง มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะไม่แน่ใจว่าคนทอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งชาวต่างชาติก็เห็นความสำคัญตรงนี้ จุดขายของไหมไทยคือเป็นหนึ่งเดียวในโลก และมีวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ จึงอยากให้รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาได้เคยรวบรวมรายชื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมให้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์

เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมไม่มีโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายสินค้า เพราะเข้าไม่ถึงตลาดและแหล่งทุน ไม่มีสวัสดิการใด ๆ นอกจากนี้ ยังเคยมีแนวคิดในการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้มือถือและโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรในการขายสินค้าไปสู่ตลาดโลกได้อีกด้วย

อีกประเด็นหนึ่งคือ รัฐบาลไทยควรพิจารณาส่งเสริมให้การแต่งเพลงประเภทอิเล็กทรอนิคเป็นหนึ่งในวิชาที่สอนในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมตลาดดนตรีอีดีเอ็มขณะเดียวกันไทยควรมีแบรนด์เฟสติวัลดนตรีเป็นของตัวเองด้วย เพราะการจัดงานหนึ่งครั้งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึงครั้งละ 25,000 คน

ด้าน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายผลักดัน Soft Power ผ่านสินค้าและวัฒนธรรมไทยไปสู่ตลาดโลก เป็นการต่อยอดโครงการ OTOP ที่มีมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย รวมทั้งเป็นการต่อยอดศักยภาพของคนไทยเป็นการเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Festival Hub ระดับโลกทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ เพื่อกระจายรายได้และสร้างงานให้คนไทยในอนาคต

About Author