CSD เปิดตัว “หน้ากากอนามัยแฟชั่น” เมืองไทยชูจุดเด่นดีไซน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

CSD เปิดตัว ‘หน้ากากอนามัยแฟชั่น’ เมืองไทยชูจุดเด่นดีไซน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ในงาน STYLE Bangkok 2024 อย่างเป็นทางการ 20-24 มี.ค.นี้

CSD ผู้ผลิตวัสดุทางการแพทย์ชั้นนำของไต้หวันเตรียมลุยตลาด ‘หน้ากากอนามัย’ ผสานดีไซน์ในเมืองไทย      ชูจุดเด่นด้านแฟชั่นที่เป็นมากกว่าหน้ากากอนามัยด้วยแนวคิด Health in style มั่นใจตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มองหาความแตกต่างหลังประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแบรนด์หน้ากากอนามัยเบอร์ 1 ในไต้หวันจากมาร์เก็ตแชร์สูงสุดตอกย้ำความเชี่ยวชาญในธุรกิจกว่า 7 ทศวรรษพร้อมเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทยณงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 บูธ J24,J26,J28  Hall 2 วันที่ 20-24 มีนาคม 2567 ณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Willy Wu, International Dept. Chief, CSD เปิดเผยว่า บริษัทคือผู้ผลิตวัสดุทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไต้หวันมามากว่า 77 ปี ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบสนองผู้บริโภคทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ รวมถึงสถานพยาบาล ผ่านสินค้าหลักอย่าง ‘หน้ากากอนามัย’ ภายใต้แบรนด์ CSD ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำตลาดในปัจจุบัน โดยผสมผสานการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สร้างทางเลือกด้วยดีไซน์และสีสันที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคด้านสุขภาพกับแฟชั่นอย่างลงตัว ภายใต้แนวคิด ‘Health in style’ สะท้อนถึงความทุ่มเทในการผนวกรวมสุขภาพและสไตล์เข้ากับผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศไต้หวันจากยอดจำหน่ายสูงสุดและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศ 

ขณะที่ CSD ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต จึงมีความสนใจเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะผสมผสานประเพณีและสไตล์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยเพื่อสร้างหน้ากากอนามัยใหม่ที่มีความเฉพาะตัวขึ้น ก้าวสู่ไอเทมใหม่ทางแฟชั่น (Fashion Accessory) ที่เป็นมากกว่าการปกป้องสอดคล้องกับแนวคิดการมีสุขภาพดีที่มีสไตล์ (Health in style)  ทำให้ผู้สวมใส่สนุกกับการ Mix & Match ให้กับเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน ส่วนกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ได้วางแนวทางในการรับฟังผู้บริโภคจากการใช้งาน การออกแบบ เพื่อให้สินค้าของ CSD ตอบโจทย์การใช้งานและเชื่อมโยงกับลูกค้าในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด 

นอกจากนี้บริษัทได้เลือกจัดแสดงสินค้าครั้งแรกในงาน STYLE Bangkok 2024 ที่ประเทศไทย งานดังกล่าวถือเป็นงานแสดงสินค้าสำคัญที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมการออกแบบและแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันซึ่งตรงกับแนวทางของบริษัท โดยได้ร่วมแสดงสินค้าและหาความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในระยะถัดไป ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานธุรกิจในประเทศไทย ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการจัดแสดงสินค้าและพร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เวียดนาม เยอรมนี ดูไบ และเกาหลีใต้ ซึ่งในปี 2567 ได้วางเป้าหมายในการร่วมออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศไทยและสิงคโปร์

Julie Chou, Marketing Manager, CSD เปิดเผยว่าสำหรับการเข้าร่วมงาน STYLE Bangkok 2024 ในครั้งนี้ ไฮไลท์อยู่ที่การจัดแสดงบูธของ CSD ในการนำเสนอแนวคิดของหน้ากากอนามัยและวัสดุทางการแพทย์อื่นๆ ให้มีความเป็นเครื่องประดับแฟชั่น (Fashion Accessory)  ผ่านการดีไซน์ของบูธแสดงสินค้าสองบานหน้าต่างขนาดใหญ่แบบบูทีค คล้ายดิสเพลย์แฟชั่นของแบรนด์ชั้นนำ สะท้อนภาพผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีความทันสมัย โดยจัดแสดงหน้ากากอนามัยที่มีสไตล์โดดเด่นที่ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกอย่าง BVLGARI เพื่อดึงดูด ควาสนใจ ขณะที่ตรงกลางใช้จอ LED สูงจากพื้นจรดเพดานสำหรับเล่นวิดีโอแฟชั่นโชว์ ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมบูธ CSD รู้สึกได้ถึงความเป็นแฟชั่นบนรันเวย์ ยกระดับหน้ากากอนามัยให้มีความเป็นไอเทมแฟชั่นมากขึ้น 

ส่วนคอลเลกชันหน้ากากอนามัย ที่นำแบบมาจัดแสดงภายในงาน ส่วนใหญ่จะเป็นความร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่น    อานิเมะชื่อดัง ศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ BVLGARI, ELLE, Tom & Jerry, One Piece, Jolin Tsai, Mayday เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้นำคอลเลกชันล่าสุดที่เปิดตัวในไต้หวันมาจัดแสดงในงานด้วย อาทิ ความร่วมมือกับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Harry Potter, แบรนด์สตรีทแวร์จากเยอรมัน #DAMUR และแบรนด์เดนิมระดับพรีเมียมของญี่ปุ่น Edo Katsu ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการออกแบบหน้ากากอนามัยหลากหลายสไตล์ รวมทั้งหมดมากกว่า 700 แบบแล้ว

สำหรับแนวทางการออกแบบหน้ากากอนามัย CSD บริษัทได้เลือกการใช้สีสันเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อสร้างความเร้าใจ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแก่ผู้สวมใส่ที่มีสไตล์ เปิดมุมมองใหม่ของวัสดุทางการแพทย์สู่เครื่องประดับแฟชั่นไปอีกขั้น แต่คงไว้ซึ่งความสบายในการใช้งานรวมถึงคุณสมบัติหลักคือการป้องกันที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา หน้ากากอนามัยของ CSD มีความต้องการสั่งซื้อปริมาณสูงในไต้หวันเสมือนเป็นสินค้ารุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัด (limited Edition) ซึ่งในช่วงดังกล่าวคือช่วงที่หน้ากากอนามัยทุกแบบได้รับความนิยมสูงที่สุด

“ในช่วงโควิด หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน ซึ่ง CSD คือหน้ากากอนามัยที่โดดเด่นท่ามกลางหน้ากากทางการแพทย์ที่มีแค่เพียงสีน้ำเงินหรือสีเขียวทั่วไปจากดีไซน์ เราจึงได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง BVLGARI เพื่อร่วมออกแบบชุดหน้ากากเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลูกค้าวีไอพี ซึ่งหลังจากการสิ้นความร่วมมือครั้งแรก หน้ากากอนามัยของ CSD ได้รับกระแสตอบรับอย่างท้วนท้น นับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทได้เป็นอย่างดีในการทำให้หน้ากากอนามัยก้าวสู่สินค้าแฟชั่นจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าในอนาคตจะมีแบรนด์ที่สนใจในตลาดสุขภาพมากขึ้นและเราพร้อมเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้” Julie Chou กล่าวเสริม

ทั้งนี้ในประเทศไทย บริษัทคาดว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือทางธุรกิจจากการเข้าร่วมจัดงานครั้งนี้ โดยเป็นการหาผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก และพันธมิตรอื่นๆ ที่เหมาะสมในประเทศไทย และเปิดโอกาสสร้างความร่วมมือกับศิลปิน นักร้อง นักออกแบบชาวไทย เพื่อการพัฒนาหน้ากากอนามัยที่มีศักยภาพผสานความเป็นแฟชั่นที่จับต้องได้ต่อไป

เกี่ยวกับ CSD

CSD ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตวัสดุทางการแพทย์ชั้นนำของไต้หวัน บริษัทมีต้นกำเนิดจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผ้ากอซและผ้าพันแผล โดยผ่านการบริหารจัดการร่วมกันถึงสามรุ่น โดยมีประวัติยาวนานถึง 77 ปี ปัจจุบัน CSD เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ในไต้หวัน โดยผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มากกว่า 700 ประเภท รวมถึงหน้ากากอนามัย ผ้าเช็ดแอลกอฮอล์ สำลีพันก้าน ผ้ากอซทางการแพทย์ เสื้อผ้าทางการแพทย์ และน้ำสลัดในสนามรบ ปัจจุบัน CSD จำหน่ายหน้ากากอนามัยมากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี และผ้าเช็ดทำความสะอาดแอลกอฮอล์มากกว่า 500 ล้านชิ้น ถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในบรรดาแบรนด์ไต้หวัน

ก้าวสู่ผู้ผลิตวัสดุทางการแพทย์รายแรกในไต้หวันที่ได้รับการรับรองเช่น ISO 9001, CE mark, G.M.P., ISO13485 และตรงตามมาตรฐานการรับรองสากลของ FDA นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงงานผลิตในต่างประเทศที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ด้วยใบอนุญาตทั้งหมดกว่าร้อยใบ CSD จึงกลายเป็น ‘ต้นแบบ’ ของอุตสาหกรรมวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ของไต้หวัน

About Author