เปิดใจ “จูน” เมียหลวง รู้เรื่องปลายปี 63 “หนุ่ม กะลา” ประกาศยุติสัมพันธ์เมียน้อย – ให้สิทธิ์จูนฟ้องได้เลย

 กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรง กรณีที่ “หนุ่ม กะลา” หรือ “ณพสิน แสงสุวรรณ” นอกใจ “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” ภรรยาคู่ชีวิต อยู่ด้วยกันมานานถึง 27 ปี และประกาศหย่าภรรยาสิ้นเดือนนี้ ต่อมาคนในครอบครัวหนุ่ม กะลา ได้ออกมาปกป้อง พร้อมโพสต์ข้อความแซะฝ่ายภรรยา จนกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม ด้านจูนเดินหน้าฟ้องเมียน้อย เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 21 มิ.ย. 66 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33  สัมภาษณ์ จูน มาพร้อม “ทนายพัฒน์ อนุสรณ์ อะสุระพงษ์” ทนายเมียหลวง

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องมาถึงตรงนี้ เราเคยคุยกันหลายปี ตอนนั้นเพิ่งท้อง?

จูน : เพิ่งท้องค่ะ ตอนนั้นยังไม่ได้บอกใครด้วย ตอนพี่หนุ่มไปบ้าน

ตอนนั้นเขาบอกเขาชอบพี่สาวเรา ตอนหลังเปลี่ยนใจ มาตกหลุมรักจูน จูนคือคนขับเคลื่อนชีวิตเขาเหมือนกัน เขาไม่สบายเป็นโรคซึมเศร้าก็ได้จูนดูแลเยียวยามาตลอด ล่าสุดเกิดอะไรขึ้น ทำไมกลายเป็นเรื่องราวแบบนี้ไปได้ รู้เรื่องนี้นานหรือยัง?

จูน : นานแล้วค่ะ สักพักนึงแล้วค่ะ รู้ประมาณปลายปี 63 ประมาณเดือนธ.ค.ปี 63

2 ปีครึ่งที่คุณรู้มา แรก ๆ ปักใจเลยมั้ย ใช่คนนี้ อย่างนั้นมั้ย?

จูน : ไม่ค่ะ ตอนแรกมีคนส่งมาบอกก่อน ไม่รู้ใครเหมือนกัน ส่งมาบอกว่าเขาคบอยู่กับคนนี้นะ เราก็ไม่มีหลักฐาน เรามีแค่นี้ แต่เราก็เริ่มสืบว่าคนนี้เป็นใคร

จากนั้นคุณไปพบอะไร?

จูน : พอทราบว่าเป็นใคร ก็เสิร์จเฟซบุ๊กตามปกติ แล้วก็เจอ พอย้อนดูในเฟซของเขาก็เห็นหลายอย่าง อย่างเช่นเรื่องแปรงสีฟัน

อันแรกเราเห็นอะไรก่อน?

จูน : เราเห็นเขาโพสต์ในห้องน้ำ มีแปรงสีฟันคู่ มีของใช้ เคยถามสามีด้วยว่าแปรงสีฟันยี่ห้อนี้ซื้อที่ไหนเหรอ เราเคยเห็นที่บ้านเรา แต่ไปเซเว่นเราไม่เคยเห็นแปรงสีฟันยี่ห้อนี้นะ

จะบอกว่าหนุ่มเคยเอาแปรงสีฟันแบบนี้มาไว้ในบ้านและใช้แปรง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเขาเอามาจากไหน เพราะเซเว่นก็ไม่มี ที่ไหนก็ไม่มี บังเอิญพอไปดูในเฟซบุ๊กนี้ กลายเป็นว่ามีแปรงสีฟันนี้วางอยู่ด้วย?

จูน : ใช่ค่ะ วางอยู่คนละสี เราก็ดูของที่เขาวางไว้ มีน้ำหอม ทำไมช่างเหมาะเจาะ เหมือนของสามีเราจังเลยนะ เหมือนช่วงนี้เขาใช้ชาแนล ก็มีชาแนลขวดสีดำวางอยู่ด้วยกัน เหมือนกันจังเลย เซ้นส์ผู้หญิงก็เริ่มเอ๊ะ แต่เราไม่มั่นใจ เราไม่เห็นหน้าเห็นตา ก็คิดว่าเราอาจคิดไปเอง คิดมาก

จากนั้นเกิดอะไรขึ้น ที่รู้สึกว่าเริ่มจะไม่ใช่?

จูน : เอาคลิปนั้นเลยแล้วกัน ลูกเราช่วงนั้นเวลาถ่ายรูปก็จับเขาแต่งตัวเป็นโบว์ใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะน้องมิลล์เลย ไม่เชื่อไปดูได้ ทีนี้ก็เห็นคลิปนี้ขึ้นมา แล้วแต่งชุดลูกไม้ ถ้าในเอ็มวีจริง ๆ ไม่มีอุ้มเด็กนี่หน่า

เพลงนี้ที่เขามาโคฟเวอร์ ซ้ายมือเป็นผู้หญิงคนนั้น แล้วขวามือมีผู้หญิงอุ้มเด็กใส่ชุดลูกไม้ คาดโบว์สีขาว ซึ่งมันตรงกับลูกสาวคุณกับคุณหนุ่ม กะลา แต่งแบบนี้เหมือนกัน เห็นแล้วรู้สึกยังไง?

จูน : อันนี้เราโกรธมากจริง ๆ อันอื่นอย่างแปรงสีฟันเห็นแว้บ ๆ เรายังรู้สึกว่าอาจไม่จริง เราคิดไปเอง แต่พอเห็นอันนี้ เฮ้ย เหมือนเราเพิ่งโพสต์ ถ้าจำเหตุการณ์ไม่ผิด เราเพิ่งโพสต์รูปลูกไป แล้วคลิปนี้ก็มาเลย ใกล้ๆ กัน เราก็คิดดีไม่ได้จริงๆ ค่ะ เราโกรธมาก ลำพังแซะเราไม่เท่าไหร่

เขาแซะอะไรคุณ?

จูน : หลายอันมากเลย เหมือนเขาพยายามอวด ดีต่อใจอะไรแบบนี้

เขาโพสต์เลือกเสื-ก เลือกส่องเถอะค่ะ เหนื่อยเปล่า ยังไงเราก็ไม่เลิกกันหรอกค่ะ ลำไย พอเถอะ เขาลงแบบนี้เลยเหรอ เขารู้ว่าคุณไปส่อง เขาโพสต์อีกว่า จุดแข็ง ตามสืบทุกสิ่ง อยากรู้ทุกอย่าง จุดอ่อนรับไม่ได้ ร้องไห้?

จูน : พอเราเห็นเขาแซะ หรือเห็นรูป เราก็ไปจัดสามี เราก็ไปถามเขา

อะไรที่ไม่ได้อัปลงโซเชียลไม่ได้แปลว่าไม่มี ลงแบบนี้อยู่ตลอด ลงอีกว่าเห็นหมีมั้ยค่ะ คือดี ห้องดี ทุกอย่างดี ปีของฉัน ที่หนึ่งตลอดไปค่ะ เขาแซะคุณยังไง?

จูน :   สามีลงของเขาเองอยู่แล้ว มีหมี เขาก็ลงรูปโพสต์ห้องอะไรปกติ

แต่ไปเหมือนรูปที่ผู้หญิงคนนั้นลง?

จูน : เป็นจานแอปเปิ้ล ตอนแรกคิดว่าเขาเอารูปนี้มารีโพสต์หรือเปล่า ทำให้เรารู้สึกหรือเปล่า แต่จริง ๆ มันมีรูปอื่นอีกที่เป็นรูปถ่ายในห้องน้ำ ที่เป็นกระเบื้องเป็นอะไรที่รู้ได้ว่าเป็นห้องนี้

มีอีกภาพ เขาโพสต์ว่าชื่นใจมั้ย ปีของฉัน ที่หนึ่งเท่านั้น ทำไมต้องที่หนึ่งเท่านั้น?

จูน : (หัวเราะ) เขาชอบแฮชแท็ก ยืนหนึ่ง ดีต่อใจ เขาถ่ายให้เห็นว่าเป็นแขนสามีเรา เราจำได้ค่ะ นี่เป็นเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ มาทำสปากัน เท่าที่เขาโพสต์นะคะ เขาจะมีอะไรแบบนี้ตลอด

ความสุขของคนอื่นคืออะไรเราไม่รู้ แต่ความสนุกของเราคือการได้อยู่ได้นอนกอดคนที่เรารัก (คนที่เขาเลือกและรักเรา) ฝันดีค่ะ ดีต่อใจ คุณเก็บไว้หมด ไม่เคยพูด ไม่เคยโวยวาย ไม่เคยโทรหาเขา นิ่งมาตลอด?

จูน : ค่ะ

วันที่คุณมั่นใจว่ามันไม่ใช่แล้วคือวันไหน?

จูน : จริง ๆ ก็มั่นใจมาตลอดตั้งแต่เห็นอะไรต่าง ๆ แต่ก็ถ้าจะพีคสุดก็ช่วงนี้แหละค่ะ ที่ไปทริปญี่ปุ่นด้วยกัน มันรู้สึกว่าโอ้โห

คุณได้คุยกับหนุ่มมั้ย?

จูน : คุยค่ะ ช่วงที่เราเห็น เราก็ถามว่ามันคืออะไร มันเป็นยังไง ช่วงแรกเขาไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอะไร แต่หนัก ๆ เข้าเขาก็ยอมรับ แต่เราก็พยายามดู ประคับประคองว่าเขาจะจัดการอะไรยังไง เราเห็นผู้หญิงเขาก็ยังแบบ…

ฝั่งผู้หญิงคนนั้นเคยติดต่อมามั้ย หรือคุณเคยติดต่อเขาไปมั้ย?

จูน :   จูนไม่เคยทักอะไรไป แต่เขาเคยโพสต์อยู่โพสต์นึงว่าถ้าใครอยากติดต่อเขา อยากคุยกับเขา โทรติดต่อเขาได้ทางช่องทางนี้เลยนะ เขาโพสต์เป็นเบอร์โทรกับไลน์ไว้ให้ แต่เขาก็ลบ

ทำไมถึงไม่คิดติดต่อไป?

จูน : ไม่ค่ะ ไม่ใช่เราไม่เคยเจอเรื่องนี้ สมัยก่อนแต่งงานเขาก็ไม่ธรรมดา เราไม่เคยโทรหาผู้หญิงอยู่แล้ว เพราะเราต้องจัดการคนของเราก่อน ไม่ใช่ว่าเราจะไปเที่ยวโทรไปอาละวาดด่าผู้หญิงคนอื่น นี่คือนิสัยเราอยู่แล้ว เราก็จะจัดการคนของเรา เราจะไม่แตะเขา

คุณจัดการเขายังไง?

จูน : ก็เคลียร์ว่าจะเอายังไง สรุปจะเลิกมั้ย จะเลิกกับเรา หรือจะเลิกกับเขา หรือยังไง ก็ตามปกติครอบครัวค่ะ

เขาบอกว่าเขาจะจัดการเองทางโน้น?

จูน : เขาบอกเดี๋ยวเขาไปจัดการ เขาพูดแนว ๆ นี้ค่ะ

มีคลิปนึง คลิปในงานคอนเสิร์ต ที่มีการมอบเงินให้ อันนั้นคอนเสิร์ตประมาณปีไหน?

จูน : ปีที่แล้วค่ะ

ปีกกับเงินที่คุณหนุ่มเอามาใส่ เป็นคอนเสิร์ตปีที่แล้ว คุณไปมั้ย?

จูน : ไปค่ะ

คุณรับรู้เรื่องมาตั้งแต่ปลายปี 63 ปี 64 65 ก็รู้เต็มปี ฉะนั้นงานนี้คุณไป คุณก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงที่มอบเงินคือคนที่กำลังคุยกับสามีของคุณ?

จูน : ทราบค่ะ

แล้วคุณทำยังไง?

จูน : เอาจริง ๆ นะอันนี้จูนก็อึ้งนะ คิดว่าเขาต้องมาดูอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีซีนอะไรแบบนี้ เขาเตี๊ยมกันหรือเปล่าไม่รู้ ไม่พาดพิง แต่เราแค่รู้สึกว่ตอนนั้นอาจมีคนรู้นิดหน่อย เราก็คิดไปว่าถ้าวันหนึ่งคนรู้ วันนั้นคนเป็นหมื่นเลยนะที่รู้ เราก็ไป แล้วมันต้องรู้สึกยังไง

จะบอกว่างานนี้คนไปดูหลายหมื่นคน หลายหมื่นนี้มีคนรู้สามคน คือคุณ หนุ่ม กะลา และผู้หญิงคนนี้ แต่คนที่เจ็บในนี้ มีคุณคนเดียวจากหลายหมื่นคน ขณะที่ทุกคนกำลังเฮ ๆ คุณจูนยืนเจ็บคนเดียว และกำลังยืนอุ้มลูกอยู่ด้วย?

จูน : ใช่ค่ะ

วันนี้คนหลายหมื่นที่อยู่ในฮอลล์รู้หมด คุณได้คุยกับคุณหนุ่มมั้ย?

จูน : คุยค่ะ ก็ทะเลาะกันแหละ ยอมรับ ก็เคลียร์กัน เขาก็บอกว่าเป็นซีนไม่ได้สร้างซีนอะไร เหมือนแฟนคลับคนหนึ่งมามอบของแปลก ๆ ให้ เป็นเงินก็ดูว้าว เขาเหมือนเชิญเป็นหนึ่งในนั้น ที่คุยกันก็ประมาณนี้

จากนั้นก็มีเรื่องราวของนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มที่หลุดออกมา ที่ไปญี่ปุ่น คุณเป็นคนปล่อยข่าวมั้ย มีมุมนึงบอกว่าจูนปล่อยข่าวออกมา แม้กระทั่งน้องสาวหนุ่ม กะลา ยังคิดว่าคุณปล่อยออกมาเลย คุณปล่อยมั้ย?

จูน :   ไม่ได้ปล่อยค่ะ ถ้าปล่อยจูนปล่อยไปนานแล้ว เพราะจูนมีมาเยอะแล้ว จนมั่นใจว่าฟ้อง ช่วงปี 64 เรายังอยู่ด้วยกัน ประคับประคอง ไป ๆ มา ๆ มีทะเลาะกันหรืออะไรเราก็พยายามเก็บหลักฐาน เก็บเงิน เตรียมตัววางแผน ก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ เราจะทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม คิดในใจ แต่ความจริงก็คือความจริง วันนึงความจริงนั้นก็ต้องเดินมาถึง จูนก็เก็บเอาไว้ เพราะสามีก็เป็นบุคคลสาธารณะ เราก็มีลูกเล็ก ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะเอาเรื่องในบ้านมาแฉ เราไม่ต้องแฉก็ได้ เพราะมีคนคอยพยายามจะบอกตลอดเวลาอยู่แล้ว รอแค่ว่าไทม์มิ่งไหนเท่านั้นเอง

คุณเห็นภาพคลิปญี่ปุ่น ได้รับมาก่อนมั้ย?

จูน : ไม่ได้รับมาก่อน เห็นพร้อมทุกคนค่ะ

หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณหนุ่มได้ขอโทษคุณมั้ย ได้ถามเขามั้ย?

จูน :   ได้คุยกัน ที่ออกมาเรื่องหย่า เราก็คุยกันว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็จัดการให้เรียบร้อยดีกว่า ถ้าเราเคลียร์กันเรื่องทรัพย์สิน การเลี้ยงดูบุตรอะไรต่างๆ จบ สิ้นเดือนนี้ก็คาดว่าจะจบได้ คำพูดนี้จูนพูดเอง

วันก่อนหนุ่ม กะลาไลฟ์  ตกใจมั้ย?

จูน : ตกใจมาก คือเขาพูดสั้นและไม่อธิบาย มันเหมือนกับจะหย่า ก็ค่อนข้างแรง แต่เรามีการพูดคุยจริง ๆ ว่าเราจะเอายังไงดี ถ้าเราไปต่อกันไม่ได้ เราก็เป็นพ่อเป็นแม่ ดูแลลูกกันไป ทรัพย์สินแบ่งให้เรียบร้อย ทุกอย่างลงตัวก็ไม่มีปัญหา

หลายคนพูดว่าเขาขอโทษทุกคน แต่ไม่ได้ขอโทษคุณกับลูก เขามีการโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวานอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ในสายกับ “หนุ่ม กะลา” คุณเป็นยังไงบ้าง?

หนุ่ม : ก็อ่วมครับ ยับเละครับพี่

ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจไลฟ์ออกมาแบบนั้น?

หนุ่ม : ผมจะขออธิบายว่าผมเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ ผมมีทุกเรื่อง ผมสื่อสารกับแฟนเพลง เช่นผมดีใจที่สุด ได้รับรางวัล หรือวันที่ผมเสียใจ ผมก็จะไลฟ์บอกแฟนเพลงตลอด โพสต์บอกตลอด พอวันที่ผมรู้สึกว่าผมทำพลาดที่สุดในชีวิต ผมก็รู้สึกว่าอยากรีบบอกแฟนเพลง เพราะหลายวันที่เป็นข่าวมา มันทำให้ผมเครียดและกดดันมาก ผมเลยรู้สึกว่าไลฟ์สดดีกว่า แต่พอไลฟ์สดจริง ๆ แล้ว ด้วยความประหม่า สถานการณ์ไม่เหมือนไลฟ์สดร้องเพลง เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากๆ ประเด็นที่คิดว่าจะพูดมันตกไปเยอะมาก จนไลฟ์สดเสร็จ ผมรู้สึกตัวเลยว่ามันไม่ดีเลยครับพี่

ประเด็นคือผู้หญิงคนนั้น วันนี้คุณคิดว่ายังไง ในเมื่อคุณออกมาพูดทั้งหมดแสดงว่ายอมรับไปแล้ว?

หนุ่ม : ยอมรับความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น และยอมรับความผิดแทนทุกๆ กรณีที่อยู่บนโลกโซเชียล เช่นครอบครัวของผมที่กำลังเริ่มโดนทัวร์ลง หรือแม้แต่บุคคลที่สาม ที่เป็นประเด็นกับผม ผมเป็นคนผิด และรับผิดเองแต่เพียงผู้เดียว เพราะจุดเริ่มต้นมันเริ่มจากผมครับ

พูดแบบนี้เดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าคุณปกป้องฝั่งโน้นนะ?

หนุ่ม : ไม่ ๆ ผมไม่ได้อยากปกป้องครับ ผมรู้สึกว่าตอนหลังคุณแม่ผมนอนไม่ได้มาหลายคืนแล้วครับ แล้วผมรู้สึกว่าคนที่ออกมาปกป้องผม อย่างน้องสาวผมที่พยายามโพสต์ว่าผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเกิดจากความผิดที่ผมเป็นคนลงมือ เป็นความผิดจากการที่ผมเป็นคนเริ่มต้น ผมเลยไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้ไปถึงเขาแล้ว มันคือผมคนเดียว ถ้าผมไม่ทำสิ่งไม่ดีสิ่งนี้ มันจะไม่เกิดผลกระทบกับคนอื่น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเหตุที่ฝ่ายโน้นแซะหรือพาดพิงฝ่ายนี้ คุณเคยรู้เรื่องนี้มั้ย คุณไปจัดการฝ่ายโน้นมั้ย เคยพูดกับเขามั้ย?

หนุ่ม : จริง ๆ ก็เคยคุยครับ คุยมาโดยตลอด แต่บางสถานการณ์ผมต้องบอกว่าเวลาคนทะเลาะกัน แม้แต่เราโพสต์เรื่องของเรา เขาก็เข้าใจว่ามันโพสต์ถึงเขาได้ครับ แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้มาก เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นว่าผมโดดไปปกป้องเขาอีกครับพี่

ฝั่งจูนจะเอายังไงกันต่อไป?

หนุ่ม : อย่างแรกที่ผมไลฟ์สดวันนั้นและผมพลาดที่สุดคือ ผมไม่ได้ขอโทษจูน ผมขอโทษจูนตรงนี้เลย ขอโทษจูนมากๆ นะผมพูดคำนี้เสมอว่าผมทำไม่ดีกับจูนมากๆ ผมน้อมรับผิดครับ ผมผิดทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนเรื่องการหย่าวันนั้นผมแค่จะอธิบายว่าวันนั้นมันมีประเด็นข่าว พยายามเล่นว่าผมยื้อไว้ ไม่ยอมหย่า ซึ่งจริงๆ ผมกับจูนคุยกันหลังบ้านตลอดว่าเราจะเอายังไงกันต่อ ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้ว ผมคงต้องให้จูนเป็นคนพิจารณาต่อ แล้วเดี๋ยวเรามาคุยหลังบ้านต่อว่าเราจะยังไงต่อไป แต่ไม่ว่าสถานภาพจะเป็นยังไง ผมก็จะยังดูแลจูนและลูกต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอโทษจูน ขอโทษทุกฝ่าย ขอโทษแฟนเพลงกับสิ่งที่ผมทำพลาดในวันนี้ ทำให้ทุกคนต้องไม่สบายใจครับ

เรื่องงานเป็นยังไงบ้าง?

หนุ่ม :   เมื่อวานได้ยินมาว่ามีบางงานแคนเซิลครับ แต่อัปเดตล่าสุดตอนนี้ก็ยังเหมือนไม่มี แต่เรื่องงานเข้าหรือออก เป็นเรื่องปกติครับ บางทีเขาจองคิวไว้ แต่ร้านอาจยังไม่พร้อม หรืองานยังไม่พร้อม เขาอาจขอเลื่อนไปก่อน แต่เมื่อวานตอนผมทราบเรื่องนี้และพูดบนเวที เป็นตอนที่ผมดาวน์มาก และผมรู้สึกว่าเอาแล้ว เริ่มแล้วครับ

คุณจูนอยากพูดอะไรกับเขามั้ย?

จูน : เรื่องในครอบครัวรายละเอียดปลีกย่อยมันเซนซิทีป เดี๋ยวเราคุยกันหลังบ้านไม่เป็นไร ส่วนเรื่องข้อตกลงอะไรต่าง ๆ การหย่าหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าข้อตกลงเรียบร้อยทั้งสองฝ่ายก็จบ ไม่มีประเด็น เป็นพ่อเป็นแม่ไป ถ้าข้อตกลงเรียบร้อยเดี๋ยวไปว่ากันในครอบครัว

กังวลใจมั้ยพอเรื่องถูกเปิดมาแบบนี้ มันกระทบไปถึงงานการของหนุ่ม ไม่รู้กระทบเยอะกระทบน้อย แต่มีผลกระทบแน่ ๆ แล้วเรื่องของเงินต่าง ๆ นานา จะยิ่งไปกันใหญ่หรือเปล่า?

จูน : เอาจริง ๆ กังวลค่ะ การที่เราไม่พูดแต่แรก ส่วนหนึ่งก็เป็นหน้าที่การงานของสามีด้วย เราก็มีลูก เขาก็ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกเราด้วย ถึงแม้เราจะมีงาน ดูแลตัวเองได้ก็เถอะ เราสร้างมาขนาดนี้ก็ไม่ได้อยากให้มันพังหรอก เราก็เป็นห่วงตรงนี้ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ก็แก้ไขกันไป มันก็ต้องยอมรับค่ะ

กับผู้หญิงคนนั้นคุณหนุ่มจะทำยังไงต่อ?

หนุ่ม : ผมคิดว่าน่าจะจบความสัมพันธ์ครับ เป็นเรื่องที่ผมอยากพูดเหมือนกัน เพราะเรื่องตอนหย่าที่ผมพูดในไลฟ์สดแล้วไม่เคลียร์ คนส่งข้อความว่าผมเยอะว่าอยากหย่าเพราะจะไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้จะไปเริ่มต้นกับผู้หญิงคนนั้นครับ ตอนนี้พอเป็นแบบนี้ก็ต้องให้เวลาจูน เพราะผมก็ทำเขาเยอะ ผมว่าเราทั้งคู่อาจต้องใช้เวลาเพื่อคุยอะไรกันก่อนสักระยะนึง ว่าตกลงแล้วจะเป็นยังไงต่อเรื่องของเราครับ

คุณยืนยันจะจบความสัมพันธ์ทางโน้น ตอนนี้ประชาชนเฝ้ามองอยู่นะ คุณคือคนที่ประชาชนรักมาก ๆ คนนึงนะ สิ่งที่พูดจะมีผลในอนาคตนะ?

หนุ่ม : ครับพี่

ที่พูดแบบนี้ถ้าวันนี้คุณประกาศจะยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นแล้วปรากฏมีคนได้รูปคุณมาอีก ผมขออนุญาตนะ บรรลัยเลยนะ หนุ่มต้องคิดดี ๆ นะ ชัดเจนใช่มั้ย?

หนุ่ม : ชัดเจนครับพี่

แล้วผู้หญิงคนนั้นจะยอมเลิกเหรอ ดูเขาก็ติดหนึบคุณเหมือนกันนะ?

หนุ่ม : ผมว่าด้วยสถานการณ์นี้ครับพี่ มันจำเป็นครับ มันไม่มีทางเลือก ผมไม่สามารถตอบแทนเขาได้ครับ

ถ้าเขาไม่ยอมยุติกับคุณ คุณจะทำยังไง?

หนุ่ม : ตอบไม่ได้เลยครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าเขาก็คิดเหมือนกัน จากแรงกดดันที่มีจากคนทั้งชาติขณะนี้ครับพี่

เรื่องในบ้านก็ไปคุยกันอีกที มีอะไรอยากพูดอีกมั้ย?

หนุ่ม : ขอโทษจูนอีกครั้งจากใจ และขอโทษทุกคนอีกครั้งที่ทำให้ผิดหวังครับ

สังคมพิพากษาคุณไปบ้าง คุณก็ต้องยอมรับนะ?

หนุ่ม : ครับ

ทนายพัฒน์ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มั่นใจว่าฟ้องได้?

ทนายพัฒน์ : ดูจากพยานหลักฐานทั้งหมด มั่นใจว่าฟ้องได้ครับ

มีเรื่องระยะเวลามั้ย เรารู้มานานเท่าไหร่แล้ว มีมั้ย?

ทนายพัฒน์ : เนื่องจากพยานหลักฐานเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมา จนล่าสุดที่ไปญี่ปุ่น ตรงนี้ไม่น่าจะขาดอายุความครับ ตามกฎหมายห้ามเกิน 1 ปีหลังจากที่ทราบเรื่อง แต่ว่าถ้าผู้เข้ามากระทำผิด ทำต่อเนื่องเรื่อย ๆ อายุความ 1 ปีจะนับครั้งสุดท้ายครับผม

10 ล้าน?

ทนายพัฒน์ : คุยกันแล้วครับ 10 ล้าน สั่งทีมงานทำเอกสารไปแล้วครับ

อยากพูดอะไรบ้างในมุมคุณจูนหรือมุมฝ่ายหญิงฝั่งโน้น?

ทนายพัฒน์ : ในมุมผม ที่ได้รับมอบหมายจากคุณจูน คือมาปรึกษา ที่อยากฟ้องไม่ใช่การรังแกนะ แต่เป็นการลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองที่บอกว่าไม่ใช่ฉันนิ่งแล้วยอมนะ ไม่ใช่ฉันไม่ทำอะไรเลย แล้วยอมเธอนะ นี่แหละที่เขาปรึกษาขึ้นมา

จูนเดินหน้าฟ้องแน่นอน ทำไมไม่ฟ้องก่อนหน้านี้?

จูน : เราเก็บหลักฐานด้วย ถ้าเราไม่มั่นใจ เราไม่พูด เราไม่ทำ ตอนนี้เราก็ใช้เวลาดูแลเยียวยาใจตัวเองด้วย เตรียมความพร้อมด้วย เก็บหลักฐานหลาย ๆ อย่าง จนวันนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เราคิดว่าไทม์มิ่งนี้เหมาะแล้วที่เราจะต้องฟ้อง

จูนเคยไปสืบประวัติผู้หญิงคนนั้นมั้ย?

จูน : ก็เคยนะคะ ก็สืบอยู่ ว่าเป็นใครทำอะไร

เขาร่ำรวยมากมั้ย?

จูน :   ก็จากที่เขาโพสต์นะคะ ก็รวยมากค่ะ

เคยเห็นคลิปเต้น ๆ ของเขามั้ย?

จูน : (หัวเราะ) ที่เด้ง ๆ ไม่เห็น แต่เห็นแล้วตกใจค่ะ อันนี้เพิ่งเห็นค่ะ

เห็นเขาปีนต้นมะพร้าวมั้ย?

จูน : (หัวเราะ) ก็เพิ่งเห็นเหมือนกันค่ะ

ทำไมจูนไม่คิดคุยกับเขา?

จูน : ไม่รู้จะคุยอะไร จะให้ถามอะไร จะให้โทรไปถามว่าอะไร ฮัลโหล ขอสามีพี่คืนเถอะ อย่ายุ่งกับสามีพี่เหรอ คือเรารู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยไม่มีประโยชน์จะคุยกับเขา เราก็จัดการของเราดีกว่า ว่าจะเอายังไง จะจัดการเมื่อไหร่ เราเคลียร์กับสามีเราดีกว่า

เมื่อกี้เปิดคลิปผู้หญิงคนนั้นไป หนุ่มเคยเห็นคลิปมั้ย?

หนุ่ม : เห็นครับ

เด้งนะ?

หนุ่ม : ครับพี่ (หัวเราะ)

หนุ่มกังวลอะไรในใจ?

หนุ่ม : ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมพูดมันจะไม่ดีเหมือนตอนที่ผมไลฟ์ครับ เหมือนผมไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่บุคคลที่สาม หรือครอบครัว ผมไม่รู้จริงๆ ว่าการพูดวันนี้มันจะกลับมาแทงผมอีกมั้ย

ตอนนี้ความกลัวของหนุ่ม พอพูดออกมาทำให้เริ่มกลับไปแทงหนุ่มอีกแล้วนะ เชื่อว่าตอนนี้แฟนคลับสังคมไทยจับตาดูอยู่ เขาต้องการความชัดเจน พี่ก็ไม่ใช่คนดี เฮียเหมือนกัน วันนี้ต้องชัดเจน จะเอายังไงกับฝั่งโน้นก็ต้องพูดให้ชัด คงไม่ต้องพูดคำว่าก็คิดว่า มันต้องคิด ไม่คือไม่ หนุ่มเข้าใจมั้ย ความหมายมันต่างกัน สังคมฟังแล้วเอาคำนี้ไปพูดกันได้ ก็คิดว่าคงจะยุติครับ กับ ยุติครับ มันต่างกัน ความชัดเจนมันต่างกัน วันนี้หนุ่มไม่ต้องห่วงใคร ห่วงตัวเอง ห่วงลูก ถึงวันนี้สถานภาพคุณกับจูนไปคุยกันหลังบ้าน พี่ไม่รับรู้ คุณจะหย่าหรือไม่หย่ากัน หรือต่อไปอาจกลับมาคบกันเหมือนเดิม อันนี้เป็นส่วนของคุณ แต่วันนี้หนุ่มต้องเอาตัวเองออกมาก่อน เรื่องของลูก อย่าไปสนใจว่าผู้หญิงคนนั้นเขาจะโกรธคุณมั้ย เขาจะเสียหายมั้ย เพราะตอนนี้คุณเสียหนัก คุณต้องชัดเจน ไม่ต้องกลัวอะไร ถ้าคุณพูดแบบชัดเจน วันนี้คุณจะเอายังไง เอาชัด ๆ เลย?

หนุ่ม : ยืนยันกับทุกคนว่าจบความสัมพันธ์แน่นอนครับ

มุมลูกกับจูนจะเอายังไงต่อไป?

หนุ่ม : จูนกับลูกที่ผ่านมาผมดูแลดีตลอด จากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้เราไปคุยกันได้ กลับมาเป็นบ้านที่อบอุ่นเหมือนเดิม หรือคงสถานภาพความเป็นพ่อเป็นแม่ ผมก็ยืนยันว่าจะดูแลเขาอย่างดีเหมือนที่ผ่านมาตลอดครับ ผมจะทำสิ่งนั้นต่อไปครับ

ลูกล่ะ กังวลใจมั้ยว่าวันนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้น จะไปมีผลกับเขา?

หนุ่ม : ครับ ก็จะดูแลอย่างดีที่สุดครับพี่ จริงๆ ก็แอบกังวลใจว่าถ้าข่าวยังอยู่ต่อไป แล้วเขาโตขึ้นและเห็นสิ่งนี้ครับก็แอบกังวลครับ

ตอนนี้ไม่รู้ว่าปัญหาภายในคืออะไร เท่าที่ทราบมา เหมือนสองฝั่งแยกกันอยู่ช่วงระยะนึง มันไม่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ยที่แยกกันอยู่?

หนุ่ม : ไม่เกี่ยวครับ แต่ผมยอมรับตามจริงว่าในการแยกกันช่วงแรกเกิดจากผู้หญิงคนนี้ครับ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่าเกิดสิ่งนี้ขึ้น ทำให้ผมกับจูนทะเลาะกัน จนทำให้ผมออกจากบ้าน แต่ช่วงระยะนึงที่ผมแยกออกมา มันก็มีบางอย่างที่มันไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลย เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่ผมกับจูนต้องมาคุยกันครับ

วันนี้การที่เราแยกกันอยู่ อาจทำให้มีประเด็นอื่น ๆ เข้ามา ทำให้มองว่าในเมื่อเราแยกกันอยู่ การดูแลตัวเองก็แยกกันงี้เหรอ?

หนุ่ม : ผมว่าเป็นปัญหาส่วนตัวครับ มีบางเรื่องที่ผมไม่เคยคุยกับจูน และผมรู้สึกว่าพอผมแยกออกมา ผมก็รู้สึกว่าทำไมผมไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมผมไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเรื่องนี้ผมต้องกลับไปคุยกันอีกทีครับ

คุณพร้อมคุยมั้ย?

จูน : ได้ค่ะ

วันนี้เชื่ออย่างนึงว่าสังคมจับประเด็นว่าคุณกับผู้หญิงคนนั้นจะเอายังไงกันต่อไป พูดจากใจตรง ๆ เลยนะทั้งสองท่าน พี่ไม่อยากสัมภาษณ์เรื่องนี้เลย พี่กลัว พี่ก็จังไรมาก่อน เราชื่อเหมือนกันด้วย ไม่อยากให้คนคิดว่าคนชื่อหนุ่มจังไรทุกคน?

หนุ่ม : ครับ (หัวเราะ)

พี่ไม่รู้หรอกว่าอนาคตเป็นยังไง มนุษย์มันมีคำว่าพลาด วันนั้นอาจเป็นวันที่เราซวยก็ได้ อาจตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี แต่อยากบอกหนุ่มว่า พี่เข้าใจคำว่ามนุษย์ผู้ชายเป็นอย่างดี เวลาเห็นน้ำที่มีแหน อยากลองความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วโดดลงน้ำ มันก็ไม่สนใจใคร แต่เมื่อไหร่โดดไปแล้ว รู้ว่าว่ายไม่ไหว ก็ต้องรีบขึ้นฝั่งทันที แล้วเช็ดหนีแหนออก แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะประลองกำลังโดยการว่ายน้ำทวนแหนไปเรื่อย ๆ คุณจะตายเอง หนุ่มจงจำคำพูดที่พี่พูดไว้นะ เราต้องอย่าตายเพราะแหน เราต้องกลับขึ้นมาให้ได้ ต้องเช็ดแหนทิ้งไป เพราะมันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตเรา เข้าใจความหมายของพี่นะ?

หนุ่ม : เข้าใจครับ

สิ่งที่สำคัญวันนี้คือลูก?

หนุ่ม : ชัดเจนและยืนยันครับ

สังคมคนไทยถ้ารู้ว่าผิดแล้วไม่กลับไปทำอีก สังคมให้อภัย พี่เป็นคนเละเทะมาก่อน แต่วันนึงสังคมให้อภัย เราก็ต้องใช้โอกาสนั้นให้ถูกต้องด้วย?

หนุ่ม : ครับพี่

วันนี้จูนจะฟ้องผู้หญิงคุณโอเคมั้ย?

หนุ่ม : ให้เป็นสิทธิ์ของจูนได้เลยครับ โอเคครับพี่

จะไม่ขวางไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้?

หนุ่ม : ไม่ขวางครับ

สำคัญที่สุดในชีวิตคือลูกนะ?

หนุ่ม : สำคัญที่สุดในชีวิตครับ

ระหว่างพักเบรก เราคุยกันว่าคุณสื่อสารคำพูดออกมาไม่เป็น ผมเพิ่งเข้าใจว่าคุณกลัวว่าจะโดนด่าอีกเหมือนตอนที่คุณไลฟ์สด คุณประหม่าที่จะพูด ถูกมั้ย?

หนุ่ม : ใช่ครับพี่

ไม่ต้องกลัว ถ้าชัดเจน จะมีบางสิ่งบางอย่างคุ้มครองคุณเอง แต่ก็ต้องยอมรับคนด่าสารพัดสารเพ ตอนนี้เห็นแค่ ค. อย่าทำให้ ว. กับ ย. ตามมานะ?

หนุ่ม : ครับพี่

ไม่อยากทำเลยจริง ๆ กลัว?

จูน : (หัวเราะ)

คุณฟ้องแน่นอน?

จูน :   ฟ้องแน่นอนค่ะ

ทนาย?

ทนายพัฒน์ : ตามสิทธิ์เลยครับ

เขามีสิทธิ์ฟ้องกลับมั้ย?

ทนายพัฒน์ : ถ้าตราบใดที่เราทำไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจริง เราไม่ได้บิดข้อเท็จจริงอะไร ก็ไม่ได้ผิดตรงไหนนี่ครับ

หลังจากนี้คิดจะติดต่อไปหาเขามั้ย?

จูน : มอบอำนาจหน้าที่ให้คุณทนายจัดการเลยค่ะ

คุณเคยเจอเขามั้ย?

จูน : เจออย่างในคอนเสิร์ต เจอค่ะ แต่เจอกันแบบนั้นไม่มีค่ะ

เดี๋ยวต้องไปคุยกันหลังบ้าน?

จูน : ค่ะ มีเรื่องทรัพย์สินและการเลี้ยงดูบุตรหลาย ๆ อย่างที่ต้องคุยกัน

ใจตอนนี้คิดว่ายังไง?

จูน : นาทีนี้ใจก็คิดว่าจะหย่าค่ะ ไม่อยากตอบว่ามีโอกาสคุยกันมั้ย มันเป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้เราก็ผ่านการทำใจ เตรียมตัวมาพักนึงแล้ว เราก็รู้สึกว่าเราเป็นพ่อแม่ของลูก ช่วยกันเลี้ยงลูก เป็นเพื่อนกันในอนาคตดีกว่า ณ ตอนนี้นะคะ มันก็เป็นแผลในใจเราเนอะ เราก็ระแวง ไม่อยากทะเลาะกันให้ลูกเห็น คนเราเคยมีมันก็ระแวง ณ ตอนนี้นะ ก็คิดว่าถ้าแยกออกมาแล้วดูแลลูกได้ดี เอาผลประโยชน์ของลูกเป็นหลักจะดีกว่าค่ะ

อยากพูดอะไรกับแฟนคลับคุณหนุ่ม กะลา?

จูน : ขอบคุณกำลังใจ (ยกมือไหว้) ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้จูน ถ้าใครเจอแบบนี้ ถ้าเราเป็นภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีคนมาล้ำเส้นเรา เราควรใช้สิทธิ์ตามสิทธิ์ที่เรามีได้ ถ้ามันเกิดความเสียหายกับร่างกายและจิตใจเราก็ควรจะทำ ส่วนแฟนเพลง แฟนคลับหรือใครก็แล้วแต่ จูนก็ไม่ได้อยากเห็นใครพังทลายไป ยิ่งเป็นคนในครอบครัว ไม่ใช่แค่ว่าคนนี้เป็นสามีเรา เราปกป้อง มันอิมแพ็กมาถึงลูกเราด้วย หลาย ๆ อย่าง แม้ว่าเขาไม่ใช่สามีเรา หรือเป็นคนอื่น เราก็ไม่ได้อยากเห็นใครพังทลายไป คิดว่าเขาก็ได้รับบทเรียนที่หนักมากที่สุดในชีวิตเขาแล้วล่ะ ตั้งแต่เรารู้จักกันมา 27 ปี ก็คิดว่าเขาได้รับบทเรียนแล้วค่ะ ก็แล้วแต่สังคม ถ้าเขาปรับปรุงตัวเองได้ พิสูจน์ให้เราและสังคมเห็นว่าเขาสำนึกผิดจริง ๆ เขาปรับตัวได้ ก็ควรให้โอกาส แล้วแต่สังคมค่ะ

คุณผู้หญิงท่านนั้นลงจากต้นมะพร้าวได้แล้ว ไม่ใช่ต้นอื่นนะ แล้วลงมาเด้งหน้าเด้งหลังนะ เขารวยมาก ทำไมฟ้องแค่ 10 ล้าน?

ทนายพัฒน์ : ตามที่พี่จูนมอบหมายมา เราเอาตามความเหมาะสม เราไม่ได้ฟ้องเพื่อรวยเหมือนเขา แต่เราฟ้องเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเรา และปกป้องศักดิ์ศรีของเรา แค่นั้นเองครับ

About Author