“บุญโทน” ควงลูกสาว “ลาดา อาร์สยาม” เล่าเรื่องครอบครัว ครั้งหนึ่งเคยงอน ทำบ้านเกือบแตก?

บุญโทน คนหนุ่ม ที่วันนี้ควงลูกสาว ลาดา อาร์สยาม มาเปิดโมเมนต์พ่อ ลูก สุดน่ารัก ที่บอกเลยว่าลูกคนนี้ยิ่งกว่าไข่ในหิน พร้อมเล่าวินาทีเกือบบ้านแตก เพราะน้อยใจลูกสาว แถมน้องลาดายังบอกว่าเคยเครียดถึงขั้นเข้าพบจิตแพทย์มาแล้วด้วย โดยทั้งคู่ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มีหนิง ปณิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

บ้านนี้พ่อ ลูกสนิทกันมาก เรียกว่าตัวติดกันตั้งแต่เด็ก ๆ เลย?

บุญโทน : ใช่ครับ

ลาดา : สนิทกันมากค่ะ ไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย เมื่อก่อน ปาป๊ากับคุณแม่จะทำงานด้วยกันตลอด ไม่มีเวลาอยู่กับน้องก็เลยเอาลาดาไปทำงานด้วยตั้งแต่ 6 ขวบ คือขึ้นคอนเสิร์ตกับปาป๊าตั้งแต่ 6 ขวบ ก็ตัวติดกันตลอด

สนิทกันขนาดนี้ แต่ก็เคยงอนกันบ้านเกือบแตก?

ลาดา : มันมีช่วงที่ลาดาเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดที่อาร์เอส แล้วมีช่วงที่เป็นศิลปินเต็มตัวด้วย มันก็มีช่วงที่ฝึกหนักมาตลอด แล้วอยู่กับคุณแม่ 2 คน ปาป๊าเขารู้สึก เขาอยู่คนเดียว

บุญโทน : ธรรมดาเราเคยสำคัญในบ้าน ไปไหนก็ต้องเรา แล้วลูกเป็นผู้ติดตาม แล้วนี่กลายเป็นเราเป็นผู้ติดตาม เราก็ลืมนึกไป เรารู้สึกว่าคิดมากไปหน่อยว่าคนนี้เป็นลูกเรา 

ตอนนั้นงอนลูก หรืองอนเมียมากกว่ากัน?

บุญโทน : งอนแม่เขานั้นแหละ เด็กไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ลูกเราก็งอน แต่น้อยกว่าแม่ รู้สึกว่าแม่จะใส่ใจลูกเหลือเกิน ยังไม่ทันตาย ทิ้งเราไปได้ยังไง

ลาดา : ลูกก็ไปถ่ายละคร ป๊าก็อยู่คนเดียว คุณแม่ก็ไปกับน้อง แล้วบางงานที่ชนกันปาป๊าก็ต้องไปคนเดียว แม่ไปกับน้อง ป๊าต้องทำงานคนเดียว

บุญโทน : แต่เราไม่ว่าเรื่องไปกับลูก เพราะลูกยังเด็ก แต่ก็เอ๊ะ..เขาเคยไปกับเรา ผมไม่ชิน ไปคนเดียว ไปกับลูกน้องมือกอง ผมรู้สึกว่าเรารู้สึกไม่สำคัญหรือยังไง

คุณพ่อติดเมียไหม?

บุญโทน : ติดเมียไม่ติดนะ แต่เวลางาน ต้องมีเมียนะ เวลางานเขาเก่งนะ เสื้อผ้า หน้าผม วิ่งชนเจ้าภาพทุกอย่าง แล้วพอเราไปคนเดียวอะไรเดี๋ยวก็ไปเซ็นรับเงินเอง เราต้องทำเองทุกอย่าง แล้วหลังเวทีก็ต้องดูสคริปต์เจ้าภาพ 15 นาทีต้องคุยกับใคร ต้องมานั่งฟังแล้วคิด รู้สึกมันหนัก ต้องขับรถกลับบ้านเองอีก

ลาดา : คือป๊ากับแม่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยมีความคิดตรงกันเลย แต่เขาขาดกันไม่ได้ เขาเถียงกันตลอดเวลา แต่เขาก็ต้องอยู่ด้วยกัน อันนี้เป็นเรื่องที่แปลก

พอมีปัญหาแบบนี้ มีวันนึงพ่อพูด?

ลาดา : คือน้องทำงาน เพิ่งซ้อมคอนเสิร์ตเสร็จ ป๊าไปรับ คุณแม่นั่งอยู่ท้ายรถ แล้วป๊าไปนั่งดื่มรอเราซ้อม ป๊าก็พูดนั่นพูดนี่ เรารู้สึกว่าเราทำงานมาเหนื่อยแล้ว ทำไมป๊าต้องพูดอะไรให้เราเครียดอีก เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องไปถ่ายรายการ

เขาพูดอะไร?

ลาดา : นี่นะ ป๊าไม่ชอบเลยนะ ที่นกกับลูกอยู่ด้วยกัน 2 คน นี่ก็นั่งน้ำตาไหลอยู่หน้ารถ ตอนนั้นไม่เข้าใจ ป๊าเมาหรือเปล่าทำไมมาพูดอย่างนี้ ก็ทะเลาะกันเลย โวยวายทั้งคู่ นี่ก็คิดว่าป๊าเมา แล้วป๊าก็พูด

บุญโทน : คือเก็บมานาน

ลาดา : จนคุณแม่เป็นคนที่แบบลูก คุณแม่ว่าปาป๊าเขาน้อยใจ อย่าไปโกรธป๊าเลย อาจจะผิดจังหวะไปนิดนึง ตรงที่ลูกเหนื่อยพอดี มานั่งคิดเออ…เขาน้อยใจจริงๆ เพราะเขาเคยมีเราไปไหนมาไหนด้วยตลอด

วันนั้นใครง้อใคร?

ลาดา : บ้านนี้จะไม่ค่อยแบบป๊าลูก ขอโทษนะ ลูกป๊าขอโทษนะ จะไม่ค่อย ก็อาจจะเฟดแยกกันคนละมุมแป๊บนึง แล้วก็ป๊ากินอะไรไหม

วันนั้นน้อยใจอย่างเดียว หรือเปอร์เซ็นต์เมามันเยอะกว่า?

บุญโทน : กินย้อมใจไง ไม่งั้น ไม่กล้าพูด แต่พอพูดแล้ว ผมก็ทิ้งไว้ตรงนั้น มันโล่งมาก ไม่พูดแล้วอึดอัด

ลาดา : ตื่นขึ้นมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้วเรื่องอะไรที่หนักมากจนน้องต้องไปพบจิตแพทย์ ไปกดดันอะไรน้อง?

บุญโทน : สุภาษิตไทย มันมีต้นสายกับปลายเหตุ ผมปลายเหตุตลอด

ลาดา : ปาป๊าเขาจะเป็นด่านสุดท้ายที่รู้เรื่องของลาดา คุณแม่จะรู้เรื่องคนแรก เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ตอนนั้นบวกกับลาดาเรียนเครียดด้วย  แล้วเรื่องการทำงานด้วย แล้วบวกกับเราไม่ได้มีเวลาไปรีเลกของตัวเอง ไม่ได้มีเวลาไปเที่ยว ไปดูหนังกับเพื่อน จนมาวันนึงเราไปนั่งทำแบบประเมิน เริ่มรู้สึกว่าเราไม่น่าปกติแล้ว เราเครียดเกินไป นั่งนับคะแนนตัวเองแล้วนั่งขำ เข้าข่ายหลายข้อควาพบจิตแพทย์

วันนั้นเราไปกับใคร?

ลาดา : คือปาป๊า กับมาม๊า ไม่ได้อยู่ในวัยที่แบบอยู่ดี ๆ ลูกไปพบจิตแพทย์ ลูกเป็นบ้าหรือเปล่า แต่เราจะบอกคุณแม่ก่อนว่าลูกไม่ได้เป็นบ้านะ แต่ลูกแค่รู้สึกว่าถ้าลูกเป็นไข้ลูกก็ต้องหาหมอ อันนี้ลูกรู้สึกว่าลูกป่วย คุณแม่ไปหาหมอเป็นเพื่อนลูกหน่อย

บุญโทน : ผมรู้ดีว่าโรคซึมเศร้ามันมีอาการเป็นยังไงของคนทั่วไป แต่ไม่นึกว่าจะเกิดกับลูกเรา เราเป็นคนพูดเสียงดังเวลาอยู่ในบ้าน นี่เขานอนอยู่จะพูดเสียงดังทำไม ลูกกำลังหลับอยู่ เป็นโรคซึมเศร้าเดี๋ยวก็เครียด 

ลาดา : คุณแม่ใช้คำว่า ลูกเขาป่วยอยู่

บุญโทน : ทำไมเธอไม่บอกฉัน เรื่องแบบนี้ฉันรู้ทีหลังทุกทีเลย เราจะได้ช่วยปรึกษา พอเรารู้ เราไม่พูดว่าสู้ๆ  เราจะบอกว่าลูกเก่งอยู่แล้ว มีอะไรปรึกษาป๊า ป๊าอยู่ข้างลูกตลอดเลย ลูกต้องชนะ

เห็นว่าตอนแรกที่จะไปพบแพทย์พ่อก็ไม่เห็นด้วย?

ลาดา : เขาไม่เข้าใจมากกว่าว่าลูกเป็นอะไร

ตอนนั้นพี่คิดว่าน้องเป็นบ้าเลยเหรอ?

บุญโทน : ธรรมดาเขาเป็นคนร่าเริงไง บางทีเดี๋ยวร่าเริง เดี๋ยวเศร้า

ลาดา : แล้วโลกส่วนตัวสูง ป๊าก็นึกว่าปกติ

บุญโทน : บางครั้งเขาอยู่คนเดียว บางครั้งเราก็ไม่กล้า ลูกเป็นผู้หญิง นกไปดูสิ เขาก็รู้กันสองคนว่าเป็นยังไงแล้วก็ไม่บอก

ลาดา : คุณแม่เขากลัวป๊าเครียด กลัวป๊าเป็นห่วง เพราะเวลาเขาเป็นห่วงเขาจะคิดเยอะ

แล้วคุณหมอให้คำแนะนำว่ายังไงบ้าง?

ลาดา : คุณหมอบอกคุณอยู่ในข่ายที่เริ่มเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว จ่ายยามา เป็นยานอนหลับ เพราะตอนนั้นนอนไม่ได้เลยแล้วต้องไปเรียนด้วยททำงานด้วย ร่างกายมันไม่ไหว แล้วเป็นยาปรับเคมีในสมอง คือยามันก็แล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละคนด้วย สำหรับลาดาเอง ลาดาสู้กับยาเคมีในสมอง ไม่ไหว เราไม่มีแรงเลย กินข้าวยังไม่ไหว ไม่มีแรงยกช้อนมากินข้าวแล้วก็ไปสอบไม่รู้เรื่องเลย ก็เลยบอกคุณหมอว่าโอเคงั้นขอลดยาลงเรื่อยๆ แล้วขอสู้ด้วยตัวเองแล้วกัน ปัจจุบันดีขึ้นมากๆ แล้วรู้จักวิธีที่จะรักตัวเอง

ทุกวันนี้ลึก ๆ ยังมีความน้อยใจภรรยาและลูกอยู่ไหม?

บุญโทน : ก็เหมือนผมเป็นอากาศไง ลูกเขาไม่คิดอย่างนั้น 

ลาดา : เรื่องนี้เพิ่งเคลียร์ใจกันไปไม่นาน ล่าสุดปาป๊าพูดว่าต่อไปนี้มีเรื่องอะไรให้บอกป๊าด้วย

บุญโทน : เขาไม่อยากให้เราเครียด แต่มีอะไรไม่ปรึกษาผม แล้วผลสุดท้ายก็ขาดผมไม่ได้อยู่ดี

แบบนี้เรียกว่าคนแก่ขี้ใจน้อยได้ไหม?

บุญโทน : เรียกคนแก่ขี้ใจน้อยก็ได้ เมื่อก่อนไม่แก่เราสำคัญไง

ลาดา : นั่นแหละ เขาเรียกน้อยใจ

บุญโทน : อย่าไปใช้คำนั้น เดี๋ยวเสียฟอร์ม ตอนนั้นเราหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยนะ แต่ตอนหลังงานไม่มี ลูกงานเยอะ เราก็ไม่ได้ว่า แต่เราสงสารลูก ลูกทำงานหนัก แต่เผอิญมีโควิดทั้งพ่อ ลูกไม่มีงาน ทีนี้เริ่มมาอยู่กัน 3 คน เริ่มเข้าใจกัน

คุณพ่อรักลูกสาวมากยิ่งกว่าไข่ในหิน ไม่เคยตี แต่เวลาดุทีเรียกอบรม 3 ชั่วโมง?

บุญโทน : ผมไม่เคยตีลูกเลย ถ้าลูกดื้อ ลูกรั้น ลูกไม่เชื่อถือ ลูกออกนอกลู่ นอกทาง ลูกสาวมานี่ แล้วห้ามใครมายุ่ง ปู่ย่า ตา ยาย ทั้งป้า ทั้งแม่ ผมกับลูก 2 คน ผมพูดเลย เหมือนโค้ชฟุตบอลเหมือนสอน 3 ชั่วโมงพูดอะไรก็ได้ที่ไม่ให้ลูกทำ สังเกตสิคนตลก ๆ เวลาโกรธแทบจะกัดลิ้นตัวเองเลยนะ

ลาดา : ตอนนั้นลาดาเด็กด้วย ประมาณ 5-6 ขวบ ญาติ ๆ มาบ้าน เราก็เล่นอยู่ ไม่ได้หันไปสวัสดีญาติ เขารู้สึกว่าทำไมลูกเขาไม่มีมารยาท ทำไมไม่ไปสวัสดีญาติก่อน

บุญโทน : ผมพูดดี ๆ นะ ไม่ใช่พูดไม่ดีกับลูก ลูกสาวมานี่ สวัสดีคุณยายหรือยัง เราเป็นเด็ก เราต้องมีมารยาท เราจะเล่นหรืออะไร เวลาผู้ใหญ่มาเราต้องทำความเคารพ พ่อ แม่ไหว้ใคร เราไหว้ตามเลย ไม่ต้องให้พ่อ แม่บอก แล้วเริ่มร้องไห้ ร้องให้พอ ประมาณ 15 นาทีก็คุยกันต่อเรื่องที่เขาเคยดื้อ เคยซน พอพูดไป พูดมา เขาก็จะบอกว่าลูกขอโทษ ลูกจะไม่ทำแล้ว ก็เท่านั้นแหละ ป๊าสอนลูก ลูกก็จำไว้นะ

ลาดา : ตั้งแต่วันนั้นเราจำมาจนถึงทุกวันนี้แล้วทำให้เรากลายเป็นคนมีเหตุผลมากๆ เพราะเขาไม่ใช้การตี เขาใช้การอธิบายให้เราฟัง

คุณพ่อไปเจอไดอารี่อะไร?

บุญโทน : ร้องไห้

ลาดา : จะมีช่วงนึงน้องเรียน ประมาณประถมนี่แหละ เราไม่ได้คิดอะไร เราไปซื้อสมุดมาเขียนไดอารี่ทุกวัน แล้วมีช่วงนึงเวลาเราตื่นเช้า ปาป๊าเพิ่งเดินเข้าบ้าน เรากำลังจะไปเรียน ปาป๊าเพิ่งกลับมา พอเรากลับจากโรงเรียน ปาป๊ากำลังแต่งตัวจะออกจากบ้าน แล้วเราไปเขียนด้วยความไม่คิดอะไรว่าป๊าเขาจะมาเห็น เราก็เขียนว่าไม่อยากให้ป๊าออกไปเที่ยวเลย แล้วเขียนชื่อเพื่อนป๊าว่าคนนี้มารอหน้าบ้านอีกแล้ว เตรียมจะออกไปนอกบ้านอีกแล้ว ไม่ได้เจอหน้าป๊าเลยแล้วน้องก็ลืม ไดอารี่ก็ทิ้งไป จนโตมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเขาเก็บบ้าน แล้วเขาเจอไดอารี่ แล้วเขาไม่กล้ามาพูดกับน้องว่าเขาร้องไห้ เขาไปเล่าให้คุณแม่ฟังว่าไปเจอไดอารี่ลูก ลูกเขียนแบบนี้ ๆ แล้วเขาก็ไปร้องไห้กับคุณแม่ว่าเขาเสียใจ

บุญโทน : ผมอ่านเสร็จผมนั่งร้องไห้ตรงโต๊ะทำงาน แล้วผมก็พูดกับตัวเองว่าต่อไปนี้ป๊าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ผมรู้สึกผิด เราไม่ได้แคร์ความรู้สึกของลูกเราเลยเหรอเนี่ย เรานึกว่าเด็กตัวขนาดนั้นคิดไม่เป็นหรอก

ทำไมตอนนั้นลาดาไม่พูดกับป๊าไปตรง ๆ ?

ลาดา : คือแม่บอกว่าป๊าไปพักผ่อน ไม่ได้ไปเที่ยวเละเทะ แต่คือเวลาเขานั่งดื่มแล้วยาว เราก็เลยรู้สึกว่าโอเค เราไปทำหน้าที่ของเราให้ดี เราก็ไปเรียน คุณพ่อทำงานมาเหนื่อยแล้ว

ทำไมถึงเซ้นซิทีฟเรื่องลูกสาวขนาดนี้?

บุญโทน : ผมมีลูกคนเดียว เราตั้งใจเลี้ยงให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่ว่าพอโตขึ้นมาไม่ใช่พ่อ แม่ รังแกฉัน ลูกอยากทำอะไรก็ไป

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตุณพ่อจะให้เวลากับลูกมากกว่านี้ไหม?

บุญโทน : ผมจะไม่ทำตัวอย่างนั้นเลย แล้วเงินผมจะเหลือมากกว่านี้อีกเยอะเลย ผมไปกินเหล้า ใจร้อน มึงเข้าห้องน้ำกูจ่ายแล้ว ใจร้อน ชอบจ่ายตังค์ก่อน คือชอบเลี้ยงเพื่อน เพื่อนรักผมหมด แล้วพอมานั่งนึก เราจ่ายทำไม เดี๋ยวนี้เงินร้อยนีงก็มีค่า เมื่อก่อนเราใช้เงินไม่ไดคิเลย มันหาเงินง่าย ได้มานกเก็บไว้บ้าง

สวยขนาดนี้โดนทำของใส่?

ลาเา : อันนี้เป็นเรื่องแล้วแต่วิจารณญาณนะของแต่ละคนแล้วกัน เรารู้สึกว่าโดนผึอำ เราเด็กรุ่นใหม่ เสิร์ชก่อนคนโดนผีอำมันอาการประมาณไหน ที่เราเป็นอยู่มันเรียกว่าผีอำหรือเปล่า ก็คิดว่าร่างกายเพลีย แต่หลัง ๆ เริ่มไม่ใช่ เราเริ่มเห็นมีเด็ก แต่ละคืนเขาจะสลับกันมาเลย มีเด็กวิ่งรอบเตียง บางคืนเป็นผู้ชายกระโดดขึ้นมาค่อมบนตัวเรา ตัวใหญ่ๆบางคืนก็เป็นเสียงผู้หญิงกรี๊ดข้างหู คือถ้าตามทางวิทย์ เราน่าจะร่างกายอ่อนเพลีย แต่ที่เห็นไม่ใช่ละ ก็เลยปรึกษาคุณแม่ คุณแม่เขาสายมูอยู่แล้ว ก็บอกแม่ว่าไม่ปกติ น่าจะแปลก ๆ แล้ว คุณแม่บอกโอเค งั้นเราไปทางอีสานเขาจะเรียกหมอธรรม ก็เป็นคุณปู่มานั่งสวดให้เรา พอสวดเสร็จคุณปู่ก็บอกว่าเราโดนของ มีคนเขียนชื่อเราแล้วเอาหินไปทับเอาไว้ เราก็ไปทำบุญ แก้ไข หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยโดนผีอำ แล้วมีโอกาสดูดวง หมอดูก็ทักว่าลาดาเคยโดนของเหรอ เราก็บอกใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ เขาบอกเป็นคนที่ลาดารู้จักด้วยนะคนที่ทำอะ ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าใครทำ เราอาจจะลมเพ ลมพัดก็ได้ เราไม่อยากไปพูดว่าคนนี้ทำเรา เดี๋ยวมันจะเป็นกรรมติดกัน เราก็โอเคถ้าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร

บุญโทน : เราไม่รู้นะเนี่ย ปลายเหตุอีกแล้ว

ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีแล้วใช่ไหม?

ลาดา : ปกติค่ะ แล้วบวกกับลาดาก็ทำบุญ ทำทานมากขึ้นด้วยก็สบายใจกับตัวเอง แต่ถ้าบางวันมีอาการผีอำก็ต้องเช็กตัวเองว่าฉันเห็นผีหรือเปล่า หรือว่าฉันแค่เพลียเฉย ๆ 

อนุญาตให้ลูกมีแฟนได้หรือไม่ได้?

บุญโทน : ได้ ไฟเขียวแล้ว

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ บุญโทน – ลาดา อาร์สยาม

About Author