คุยแซ่บShow

“ดวงตา คงทอง” ควงสามีเปิดใจหลังเป็นเจ้าสาวป้ายแดง ย้อนเล่าข้อห้ามที่ทำสามีรู้สึกนอยส์ขั้นสุด

ออกมาเล่าเส้นทางความรัก สำหรับนักร้องดังอย่าง ”ดวงตา คงทอง” หลังวิวาห์สามีนอกวงการ “พี่ญี่ปุ่น ทรงเดช” สายฟ้าแล่บ เพราะเพิ่งคบหาดูใจกันได้เพียงแค่ 2 ปี รวมไปถึงเล่าข้อห้ามก่อนแต่งที่ทำคุณสามีเสียความรู้สึกไม่น้อยถึงขั้นเสียน้ำตา ในรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องOne31 ที่มี "พีเค ปิยวัฒน์" และ "ธัญญ่า ธัญญาเรศ" เป็นพิธีกร แต่งงานไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดือนที่แล้ว? ดวงตา : 31 กรกฎาคมค่ะ ต้องถามแต่ละคนแต่งงานแล้วเป็นยังไงบ้าง? พี่ญี่ปุ่น : เหมือนเดิมแหละครับ รักเหมือนเดิมครับ แล้วชีวิตเราต้องเปลี่ยนไหม? พี่ญี่ปุ่น : ก็ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ครับ การดูแลกันต้องเพิ่มมากขึ้นไหมคะ ในความเป็นภรรยา? ดวงตา : ก็น่าจะนะ คือจริง ๆ แล้วเราใช้ชีวิต หรือเราคบหากัน เราเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรก คือการคบหากันระหว่างเราสองคน เรารู้จักกันมานาน แล้วก็มันไม่มีอะไรต้องปรับเยอะ เราก็ดูแลกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอแต่งงานไปแล้วเราก็แค่ทำหน้าที่ต่อ รู้จักกันมานาน หลายคนก็สงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ ทำไมดวงตาถึงรีบแต่งงาน ใช้คำว่ารีบถูกไหม? ดวงตา :  หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ารีบ แต่จริง ๆ แล้วด้วยวัยของเรา ซึ่งเราก็มองว่าตอนนั้นที่ไม่มีใครมาขอเราแต่งงานมีแฟนแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เราแค่คิดว่าเรากำลังสนุกกับงาน เรารักงาน เรารักตัวเอง เหมือนเซฟตัวเอง แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งเราก็มีความพร้อมด้วยวัยวุฒิเราด้วย ด้วยหน้าที่การงานเราก็ทำงานมา 20 กว่าปีแล้ว มันน่าจะถึงเวลาแล้วแหละ เราไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวความรักของดวงตาเท่าไหร่เนาะ ที่ผ่านมามันไม่มีคนถามหรือไม่รู้ว่าจะมานั่งป่าวประกาศทำไม? ดวงตา : ด้วยค่ะ ด้วยหนึ่งคือไม่ค่อยมีใครถาม แล้วตัวเราเองก็ไม่ชอบอวดหรือว่าเปิดแฟนสักเท่าไหร่ เราก็จะใช้ชีวิตปกติด้วย อย่างที่บอกคือตาค่อนข้างที่จะรักตัวเอง รักงาน แล้วก็ห่วงสายตารอบข้างด้วยว่าเขาจะมองเรายังไง...

“ปุยฝ้าย ภัทณชา” รับหมด Passion ในวงการ ปฏิเสธละครไป 10 กว่าเรื่อง !!!

นักแสดง นักร้อง มากความสามารถ ปุยฝ้าย ภัทณชา หรือ ปุยฝ้าย AF ที่วันนี้จะมาเปิดใจหมด Passion หมดไฟประกาศพักงานในวงการบันเทิง ปฏิเสธงานละครเกือบ 10 เรื่อง ไม่รู้ว่าแบบนี้เจ้าตัวคิดจะออกจากวงการเลยหรือเปล่า แล้วหันไปเป็นศรีภรรยาเต็มตัว แถมล่าสุดเธอยังยอมใจอ่อนมีลูกให้สามีแล้วด้วย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ อะไรทำให้เราซีเรียสเรื่องออกกำลังกายขนาดนี้? ปุยฝ้าย : มันไม่เชิงซีเรียส มันเชิงเก็บกด จริง ๆ ก่อนหน้านี้ฝ้ายเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้น การใช้ชีวิตมันถูกจำกัดมากเลย ห้ามออกกำลังกายแบบนี้ อย่าวิ่ง อย่าล้ม พยายามดูแลตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ไม่บาดเจ็บ พอเราไปผ่าคอเรารู้สึกว่ากิจกรรมอะไรก็ตามที่เราอยากทำ เราอยากทำมันให้เต็มที่ ซึ่งพอผ่าคอเราก็ทำได้ คือฝ้ายผ่ามาประมาณปีกว่า ในความรู้สึกเรา เราอยากจะเป็นผู้หญิงแข็งแรงมากกว่า แล้วอยากทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาหลายปี ที่ออกกำลังกายเป็นเพราะสามีชอบ สามีคลั่งรักหนักมากที่แฟนหุ่นดี จริงไหม? ปุยฝ้าย : เปล่า เขาจะบอกว่ายังไงก็ได้ขอให้มีความสุข เขาเห็นว่าเราเป็นคนชอบกิน ตัวเขาชอบออกกำลังกาย เขาไม่เคยแบบ เห้ย...ฝ้ายต้องไปนะ แล้วแต่เรา คนในบอกว่าสามีคลั่งรักฝ้ายหนักมาก แต่ข่าวออกมาว่าขาเตียงฝ้ายไม่แข็งแรง? ปุยฝ้าย : ขาเตียงในที่นี่น่าจะเป็นเรื่องของการมีลูก ตอนนั้นเขาถามว่าเราอยากมีลูกไหม เราก็บอกว่าเราไม่เคยคิดเลยว่าเราอยากมีลูก เราปฏิบัติธรรม เรารู้สึกว่าเราไม่อยากเอาอะไรมาผูกความรู้สึกให้เราต้องห่วงอีกแล้ว เราไม่อยากมีลูก เขาก็เลยมีความผิดหวัง แต่ว่าในความผิดหวังนั้น เขาก็มีความเข้าใจเรา จนในที่สุดเราก็มานั่งถามตัวเองว่าถ้าเราปฏิบัติธรรมมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วเราไม่สามารถจัดการความรู้สึกเราได้ว่าวันหนึ่งถ้ามีลูกเราจะทุกข์ เราจะห่วงไหม แสดงว่าเราสอบตก เพราะฉะนั้นเนี่ย เรามี  ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนความคิด? ปุยฝ้าย : คือเราเกิดความคิดใหม่ว่า ถ้าเรามีแล้วเราไม่สามารถจัดสรรความรู้สึกของเราได้ หมายความว่าสิ่งที่เราฝึกฝนมาคือเรื่องของการปฏิบัติธรรมมันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถ้าเราไปคาดหวังในตัวลูกเรา เรากลัวว่าลูกจะทำให้เราผิดหวัง ลูกจะทำให้เราทุกข์ มันหมายความว่าเราอะไม่ดี เราต้องให้ตัวเองที่ฝึกฝนมาตั้งนานสามารถรับสภาพอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะผิดหวังหรือสมหวัง เราก็เลยลองดู อันนี้คือสนามใหญ่ของเรา เราเก็บไข่ไหม? ปุยฝ้าย : ตั้งใจจะเก็บแล้ว จริง ๆ ด้วยวัย 35 ปี มันอยู่ในช่วงที่ควรจะ ถ้าไข่ที่ดีคือช่วง 28-31 ปี แต่พอเราเริ่ม 34-35 แล้วถ้าเรายังไม่มีลูกสักที คุณหมอจะแนะนำว่าเก็บไข่ไว้ก่อน เพราะปีนี้มันจะดีกว่าปีหน้าแน่นอน ถ้าปีหน้ายังไม่มี ปีถัดไปมันจะแย่ไปอีก ขั้นตอนของการเก็บไข่มันเป็นยังไง? ปุยฝ้าย : เขาต้องตรวจร่างกายเราก่อนว่ามีปัญหาอะไรไหม อย่างตัวฝ้ายเป็นภาวะไข่ไม่ตกจากการออกกำลังกายค่อนข้างมากไป ก็ต้องมารักษาตรงนั้นก่อนพอเสร็จปุ๊บก็ไปตรวจความสมบูรณ์ของไข่ ก็เริ่มมีการฉีดกระตุ้นฮอร์โมน แล้วเลือกไข่ที่แข็งแรงแล้วเก็บเอาไว้ ถ้าเราอยากจะมีก็เอาไข่มาผสมภายนอกกับเชื้อของแฟนเรา แล้วพอเป็นตัวอ่อนแล้วค่อยฝังกลับเข้าไปคืน มันเก็บได้นานแค่ไหน? ปุยฝ้าย : เรื่อย ๆ เลย อยู่ที่ว่าเรามีทุนทรัพย์ยังไง ก็ฝากปีต่อปีไป คุยกันไหมว่าอยากมีผู้ชายหรือผู้หญิง?...

“ท็อป จรณ” เคยติสท์แตกเลือกรับงาน พร้อมย้อนเล่าความรักสุดเจ็บปวด

เมาหัวราน้ำ 6 เดือน  จนต้องเข้าวัดพึ่งธรรมะ อดีตพระเอกช่องน้อยสี ท็อป จรณ ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ทำเอางานรุมหนักมาก วันนี้จะมาเปิดใจยอมรับเคนเป็นพระเอกสายติสท์เลือกรับงาน พร้อมทั้งอัปเดตสถานะหัวใจ ตอนนี้โสดหรือไม่โสด อีกทั้งยังย้อนเล่าความรักที่เจ็บปวดที่สุดถึงขนาดเมาหัวราน้ำนานถึง 6 เดือน และอกหักจนต้องเข้าวัดมาแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง ONE31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  คุณอยู่ช่องน้อยสีมาทั้งหมดกี่ปี? ท็อป : ประมาณ 10 ปีครับ ทำใจยากไหมที่จะไม่ต่อสัญญาแล้วออกมาเป็นฟรีแลนซ์? ท็อป : ยากครับ ตอนนั้นเราค่อนข้างจะคิดหนักเหมือนกัน มันเหมือนเป็นบ้านของเรา แล้ววันหนึ่งเราต้องเดินออกจากบ้านไป ผมก็งง ๆ เหมือนกัน แต่คิดว่าเราอยากจะหาสิ่งใหม่ ๆ มาลองทำดู ตอนนั้นตัดสินใจนานเลย ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ ผู้จัดการ สุดท้ายเรามาตกตะกอนกับตัวเองว่ามันยังมีงานอีกหลาย ๆ แบบที่เรายังไม่เคยทำ เราก็อยากจะลองไปทำดู อยากเห็นตัวเองอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ อยากลองซีรีส์ใหม่ ๆ แปลก ๆ ที่เรายังไม่เคยทำ ซึ่งวันที่เราเซ็นสัญญา เราตื่นเต้น ดีใจมากที่ได้เซ็นสัญญากับช่องที่ใหญ่ขนาดนี้ วันที่มันหมดแล้วเราต้องเดินไปนั่งคุยกับผู้มีพระคุณสุด ๆ มันเป็นเรื่องที่ใจสั่น วันนั้นผมน้ำตาคลอเลยนะ แต่ก็มีคนเม้าท์ว่าจริง ๆ คุณอยากอยู่ต่อ แต่ที่ไม่เซ็นเพราะว่าทางต้นสังกัดเดิมไม่ป้อนงานเลยจริงไหม? ท็อป : ไม่จริงเลย ช่องให้งานผมตลอด ไม่เคยมีปีไหนที่ไม่มีงานเลย มีเยอะด้วยซ้ำ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมี 2-3 เรื่องต่อปีเราเป็นตัวหลักเราไม่มีสิทธิ์รับปีหนึ่ง 5-6 เรื่องอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีทุกวัน บางปีเราได้เลือกด้วยซ้ำว่าเราอยากเล่นเรื่องไหน ตอนที่คุณตัดสินใจไม่เซ็นสัญญา เห็นว่าคุณพูดว่าลองไปตายเอาดาบหน้า มันขนาดนั้นเลยเหรอ? ท็อป : ใช่ คือเราไม่รู้ว่าข้างนอกมันเป็นยังไง แล้วเราไม่รู้ว่าจะมีคนจ้างเรามากน้อยแค่ไหน ถ้าอยู่กับช่องมันอุ่นใจ ยังไงในหนึ่งปีเรามีงานอยู่แล้ว ปกติมีคนคอยเลือก คอยจัดการ คอยบริหาร วันหนึ่งเราต้องทำทุกอย่างเองมันยากมากนะ แต่ว่าเอาวะ..เราอยากไปลองอะไรใหม่ ๆ เราก็ต้องลองเสี่ยง คือปมเป็นนักแสดงที่ติสท์พอสมควร เรามานั่งคิดว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้ท้าท้ายตัวเอง ผมจะไม่มีความสุข ผมเลือกความสุขของผม อย่างน้อยๆ ผมต้องได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วได้ไปโลดแล่น ไปหาประสบการณ์อีกแบบ...

“หญิง รฐา” ควง “แม่น้อย” เคลียร์ รักลูกเขยมากกว่า? แย้มเรื่องลูก ตอนนี้ยังไม่คิดที่จะมี!

เจ้าสาวป้ายแดงหญิง รฐา ควง แม่น้อย โพธิ์งาม มาเม้าท์ชีวิตหลังแต่งงาน แถมด้านคุณแม่ยังออกอาการรักลูกเขยมากกว่าลูกสาว เพราะดูแลเป็นอย่างดี พร้อมเผยเรื่องลูกที่ฝ่ายหญิง รฐา ไม่อยากมี แต่แม่น้อยอยากอุ้มหลานสุด ๆ ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ อาจารย์เป็นหนึ่ง และชมพู่ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ หลังผ่านพิธีวิวาห์ไป 3 เดิอน ชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน? แม่น้อย : ไม่เปลี่ยน หญิง : จริง ๆ ก็ไม่เปลี่ยนคล้าย ๆ เดิม หญิงกับพี่ตุลย์คบกันมาก็ใช้ชีวิตด้วยกันเยอะ อย่างไปต่างประเทศ เช่า AIR BNB เราก็เห็นทุกอย่าง เราก็จะเห็นใครทำกับข้าว ใครเก็บเตียง ใครเป็นคนทำ? แม่น้อย : เมื่อก่อนจะเป็นพี่เจี๊ยบพี่สาวเค้าจะคอยเก็บทุกวันแต่ขึ้นไปเก็บเตียงเค้าเก็บหมดแล้วทุกวันเลย พี่ตุลย์นะสิไม่ใช่หญิง ถ้าเป็นหญิงเปิดแล้วลงเตียงเลยสมัยอยู่คนเดียวนะ ลงมาชงกาแฟ แต่เดี๋ยวนี้มีคนดึงที่นอนให้แล้ว แล้วคนที่ดึงที่นอนก็ลงไปชงกาแฟให้นาง หญิง : ถ้าวันไหนหญิงต้องไปทำงานเช้า เค้าจะไปชงกาแฟให้ แต่ถ้าวันไหนหญิงว่างๆก็ลงไปชงกาแฟเอง หลังแต่งใครเป็นแม่บ้านมากกว่ากัน? แม่น้อย : พี่ตุลย์เป็นแม่บ้าน พี่ตุลย์เป็นแม่บ้าน หาเงิน เป็นเจ้าของบริษัท ทำงานทุกอย่าง คนนี้ก็ยังนอนอยู่เหมือนเดิมแต่หลังแต่งละเอียดขึ้นมาหน่อย ไม่ได้เกรงใจแม่นะ อายสามี ภาพนก 2 ตัวที่พี่ตุลย์ลงโซเชียลคืออะไร? หญิง : พี่ตุลย์เค้าเป็นคนเล่นโซเชียลเค้าดูรูปแล้วไปเจอนกคู่นี้ แล้วตัวนึงมันหันมาแว๊ดอีกตัวนึงอยู่ แล้วเผอิญเค้าเอาขึ้นในเฟสบุ๊ค คนก็จะมาคอมเมนท์อึดอัดอะไรหรือปล่าว  ปกติหญิงเป็นคนดุมั้ย? หญิง : พี่ตุลย์บอกว่าดุค่ะ ได้มาจากแม่น้อย แม่เป็นคนใจนักเลง แต่หญิงจะดึด้วยเหตุและผล แต่เค้าเป็นคนไม่ค่อยมีข้อเสียอะไร มันเป็นเรื่อวเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น เค้าทำอะไรเฉื่อย เราเป็นคนแอคทีฟกับเรื่องเวลา ก็จะมีบ้างที่ว่ายังงี้ไม่ได้นะพี่ตุลย์คนอื่นเค้ารอเราอยู่นะ มันจะมีเลเวลของเสียงบ้าง ถ้าหนักๆเลยคือเงียบแล้วมองเค้าจะรู้ เหมือนแม่น้อย?...

“แพนเค้ก” เล่าเรื่องลับบนเตียงทำ “พี่หมี” ถึงกับอึ้ง ย้อนพูดเรื่องรักทะเลาะจนหวิดเลิก

ออกมาเปิดชีวิตรักที่หลายคนยังไม่เคยรู้ สำหรับนางเอกสาวเรื่องราวดี ๆ อย่าง “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” ที่เพิ่งจะวิวาห์หวานไปกับหวานใจ “พี่หมี พ.ต.ท ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์” หลังคบหาดูใจกันมานานกว่า 11 ปี โดยล่าสุดสาวแพนเค้กได้ออกมาเปิดใจชีวิตหลังแต่งงาน รวมไปถึงเรื่องความรักที่เคยทะเลาะหนักจนหวิดเลิกกันมาแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ หลังจากที่เป็นเจ้าสาว ชีวิตเปลี่ยนมั้ย? แพนเค้ก : แค่พูดคำว่าสามียังไม่คุ้นเลยค่ะ (หัวเราะ) ทั้งคู่พี่หมีก็บอกแบบนี้ พอเวลามีคนมาพูดกับพี่หมี เขาก็จะทำตัวไม่ถูก จริง ๆ ก็เหมือนเดิมในมุมที่ดูแลกันและกัน มีการปรับตัวบางอย่างในการใช้ชีวิต เพราะมีบางอย่างเล็ก ๆ น้อยที่ปรับจูนกัน ไม่คุ้นบ้างในบางเรื่อง หรืออะไรให้ทำเยอะขึ้น ห่วงหามากขึ้น ถามไถ่กันมากขึ้น คุณผู้ชายก็จะตกใจนิดหนึ่งว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นเหมือนจะดูแลเป็นพิเศษอะไรแบบนี้อะค่ะ ก็เลยบอกว่าทำให้เหมือนเดิม กี่เดือนแล้ว? แพนเค้ก : 2 เดือนแล้วค่ะ ก็เป็นความรู้สึกที่ดี บอกไม่ถูก  พอแต่งงานการดูแลใกล้ชิดขึ้น มีอะไรพิเศษขึ้น มีทำกับข้าวให้สามีกินบ้างมั้ย? แพนเค้ก : พูดได้เต็มปากเลย ว่ายังไม่ได้ทำค่ะ (หัวเราะ) คือ.. แต่ก็จะถามไถ่ตลอดว่าจะกินอะไร เหมือนกับนึกถึงกันบ่อยขึ้น ว่าเย็นอยากกินอะไร เช้าให้เตรียมอะไรให้มั้ย หรือมีอะไร จะให้เตรียม  เบรกฟาสต์ ให้มั้ย พี่หมีก็บอกว่าไม่เป็นไร (หัวเราะ) เดี๋ยวพี่บอกเองว่าอยากได้อะไร แล้วทางฝั่งพี่หมีเขามีความเปลี่ยนแปลงอะไรมั้ย หลังแต่งงาน? แพนเค้ก : จริง ๆ เขาเป็นคนนึกถึงคนอื่นเยอะอยู่แล้ว เตรียมอะไรให้เราเยอะอยู่แล้ว กับข้าวส่วนใหญ่พี่หมีก็จะเป็นคนทำอยู่แล้ว เวลาไปซุปเปอร์เขาก็จะถามเอาอะไรมั้ย แล้วก็เตรียมอาหารไว้ให้ในตอนเช้า เขาก็เข้าครัวเอง เข้าทีก็โฮโห.. เละไปหมดเลยค่ะ (หัวเราะ)  อยู่บ้านใครเป็นหลัก? แพนเค้ก : จริง ๆ ก็อยู่บ้านแพนเป็นหลักค่ะ แต่ว่าบ้านแพนกับบ้านคุณพ่อคุณแม่พี่หมีก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ก็เลยมีโอกาสได้ไป ๆ มา...

“นิโคล” เคลียร์ชัด ลูกชาย “น้องทิกเกอร์” เข้าวงการเพราะแม่ใช้เส้นดันหรือเปล่า?!

คุณแม่ยังสาว นิโคล เทริโอ ขอควงลูกชายสุดฮอต น้อง ทิกเกอร์ วัย 17 ปี ที่ตอนนี้เป็นลูกไม้ใต้ต้น เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว พร้อมเคลียร์ประเด็นใช้เส้นสายดันลูกชายเข้าวงการ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ สาเหตุที่เราอยากเป็นศิลปิน เพราะคุณแม่เป็นศิลปินหรือเปล่า? ทิกเกอร์ : เกี่ยวข้องบ้าง จริง ๆ มันเป็นธรรมชาติ ผมชอบศิลปะอยู่แล้ว พอเห็นว่าผมเขียนเพลงได้หรือมีโอกาสแบบนี้ก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด แม่ภูมิใจลูกขนาดไหน? นิโคล : ดีใจที่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก และเอ็นจอย กี้รู้จักลูกดีว่าแบบอะไรที่ไม่ใช่ตัวเขามันจะเห็นชัดเลยว่ามันไม่ใช่แล้วกี้ไม่มีทางที่จะดันแบบ...ไม่ ๆ  แต่จะซัพพอร์ตหนุนอยู่ข้างหลัง บางทีความปลื้มของเรา เขาก็ต้องเอาเราไปเก็บเพราะเราจะเยอะ กรี๊ดแบบ...คือเราลืมไง ด้วยความที่เราเป็นแม่ การที่มีพ่อ แม่ ดังทั้งคู่มันกดดันเราไหม? ทิกเกอร์ : ไม่ค่อยครับ แต่ผมกดดันตัวเองมากกว่าว่าแบบวันนี้เสียง การแสดงโอเคไหม เราตั้งแม่ไว้เป็นต้นแบบไหมว่าผมต้องเก่งเท่าแม่ให้ได้? ทิกเกอร์ : ครับ แบบวิธีการทำงานต้องให้เท่าแม่ให้ได้ ทุกวันนี้ลูกคุมคุณแม่ร้องเพลง? นิโคล : เทคนิคการร้องเพลงมันไม่เหมือนกับตอนที่พี่กี้ร้องเพลง เราพยายามนะ แต่มันไม่เหมือนกัน ความเอื้อนมันจะต่างกัน แม่เป็นศิลปินมาก่อน มีวิธีการสอนหรือแนะแนวทางลูกยังไงบ้าง? นิโคล : ไม่ได้มาบอกว่าอย่างนี้ ๆ นะ เพราะกี้คิดว่าประสบการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน ตอนนี้การทำงานของกี้กับทิกเกอร์น่าจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว เอารวม ๆ ก็ทีละก้าว ๆ  ทำอะไรที่เราต้องทำให้ดีที่สุด แล้วผลเป็นยังไงเราก็ต้องภูมิใจในสิ่งที่เราทำ  แต่มีงานหนึ่งที่คุณแม่ทำลูกหลงทาง คือไปตีบทให้ลูกหลงทาง? นิโคล : ใช่...

“นีโน่ เมทนี – จิ๊บ วสุ” เปิดความลับที่ไม่มีใครรู้ พร้อมเผยวีรกรรมเจ้าชู้ตัวพ่อกินผู้หญิงครึ่งวงการ!

2 หนุ่มคู่ซี้ จิ๊บ วสุ และนีโน่ เมทนี ที่วันนี้จะมาเผยความลับที่ทั้งคู่เป็นญาติกัน และที่พี่นีโน่เข้าวงการได้ก็เพราะพี่จิ๊บ พร้อมเปิดเผยความเจ้าชู้คาสโนว่าตัวพ่ออย่างพี่นีโน่ที่ตอนนี้โสดหรือไม่โสด ผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ทางช่อง วัน31 ที่มีชมพู่ ก่อนบ่าย, อาจารย์เป็นหนึ่ง และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ สนิทกันมาก...

“ราโมน่า” เคลียร์ข่าวเม้าท์ ทำไมลูกสาวหน้าตา ไม่เหมือนคุณพ่อ 

พร้อมเผยเหตุผลขายอพาร์ทเมนท์หรูใจกลางนิวยอร์ก อดีตนางเอกชื่อดังยุค 90 ราโมน่า ซาโนลารี่ ที่วันนี้ควงลูกสาววัยหนึ่งขวบ น้องโนลิ มาเปิดตัวครั้งแรก พร้อมเคลียร์ข่าวเม้าท์ลูกสาวหน้าตาไม่เหมือนพ่อ แล้วอะไรที่ทำให้ต้องขายอพาร์ทเมนท์สุดหรูใจกลางมหานครนิวยอร์ก โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  จริงเหรอลูกสาวคนนี้เฝ้ารอมา 20 ปี? ราโมน่า : ใช่ คือตอนที่แต่งงานใหม่ ๆ อยู่นิวยอร์ก คุยกับสามีเรื่องชื่อลูก แต่ก็ไม่เคยได้ลูกสาวสักที พอปีที่แล้วย้ายบ้านจากนิวยอร์กออกมานอกนิวยอร์กนิดหนึ่ง ตอนแรกเริ่มจากหมาก่อน คุยกับสามีว่าเลี้ยงหมากันไหม สามีบอกว่าเดี๋ยวว่ากันอีกที แต่สุดท้ายเราบอกว่าอย่าหมาเลย ลองมีลูกเลยไหม ตอนแรกสามีบอกว่าหยุดที่ 2 คน คงไม่เอาแล้วแต่เราก็อ้อนไป อ้อนมา เขาก็บอกว่าได้ เห็นว่าตอนที่โนลิเกิดมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นด้วย? ราโมน่า : คือคุณพ่อนาเสียไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เราเสียใจมากบินกลับมาดูคุณพ่อ 10 วันสุดท้ายของชีวิตเขา เรานั่งข้าง ๆ ร้องไห้ตลอดเวลา เขาจากไปต่อหน้าเรา เราก็บอกว่าช่วยแสดงปฏิหาริย์ให้เราได้ไหมว่ายังอยู่ อยู่ ๆ ก็มีไฟแปร้บ ๆ เหมือนไฟช็อต เราก็แบบว่าพ่อแน่ ๆ แล้วเราก็เชื่อมาเรื่อย ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราอ่านหนังสือเขาบอกว่าให้ลองเลือกสัตว์แล้วให้เขามาหาสิ เราก็บอกว่ามาเป็นเต๋าทองให้เห็นได้ไหม อยู่ ๆ ก็มีเต๋าทองบินมาเกาะหนังสือ ซึ่งวันนั้นเราเห็นเต๋าทองเกาะที่หน้าต่างบ้าน เราคิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันพิเศษแน่ ๆ เลย เราน่าจะพร้อม เราเลยเอาเครื่องตรวจมาตรวจดูว่าไข่ตกไหม สรุปไข่ตก เลยถ่ายรูปหาสามีบอกว่าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็ได้ลูกสาว เหมือนคุณพ่อพามาให้ ลูกชายทั้ง 2 คนหล่อเข้ม แล้วคนนี้มายังไงหัวสีทองด้วย สามีมีผมสีทองไหม? ราโมน่า : ไม่ทองค่ะ ลูกชายบอกว่าใช่ครูสอนเทนนิสหรือเปล่า ลูกล้อ คือพ่อโมนาผมบลอนด์ ตาเขียว ส่วนแม่สามีผมบลอนด์ตาฟ้า อย่างว่ายีนส์ด้อยของ 2 คนมาเจอกันได้ลูกฝรั่งมาตาเขียว ตาออกเทาๆ  ที่นู้นเพื่อนแซวไหม? ราโมน่า : แซว แต่ละคนแกล้งแซวกันทั้งนั้นเลย โมนาเลยบอกว่านั่นมันช่วงโควิดนะคะ อยู่บ้านทั้งวัน ลูกชายสาวเยอะไหม? ราโมน่า : สาวเยอะมาก คืออยู่บ้านโทรศัพท์จะมาละ แล้วเขาจะวางทิ้ง...

เอมี่ กลิ่นประทุม สยบข่าวเม้าท์ไม่ยอมให้สามีทำการบ้าน

เปรย เรื่องลูกไม่น่าจะมีแล้ว ยันสุขภาพไม่ใช่ปัญหาใหญ่ นักแสดงสาวเอมี่ กลิ่นประทุม ที่วันนี้จะขอมาเม้าท์สามี ถึงเรื่องความเยอะ และตีกันในรายการยูทูปตลอด เปรยนี่ไม่ใช่คอนเทนต์ชีวิตจริงๆเลย ตีข่าวเม้าท์ไม่ยอมให้สามีทำการบ้าน ส่วนเรื่องลูกเคยพยายามแล้วจนตอนนี้ยังไม่คิดอยากกมี พร้อมเล่าประสบการณ์เดินสายมูเต็มตัวเพราะพญานาคเข้าฝัน ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี บูม สุภาพร และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ถ่ายรายการตีกันตลอด? เอมี่ : ที่เห็นเราถ่ายยูทูปด้วยกันเนี่นะคะ มันคือเรื่องจริงทั้งหมด มันตีกันจริงๆ มันเป็นที่มาที่ไปของรายการด้วยซ้ำว่านี่แหละชีวิตสามีภรรยา แต่ละวันมีเรื่องโน่นนี่ ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นคนเยอะอะ จะมีเรื่องให้ตีกันตลอด เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น แต่เราตีกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้ทะเลาะกันเดี๋ยวก็หาย เรื่องใหญ่ ๆไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเท่าไหร่ กระแสตอบรับดีมาก? เอมี่ : พอเราตีกับสามีคนชอบ แต่เราทะเลาะกันเรื่องจุกจิก พอทำงานด้วยกันต้องดีโดยปริยาย มันเลยเป็นนิสัยว่าไม่พอใจอะไรก็ทิ้งไป ไม่เอามาเก็บทะเลาะต่อ รู้วิธีดิลของกันและกัน เมื่อก่อนทะลาะกันหนักมาก? เอมี่ : เหมือนเราอารมณ์ร้อนทั้งคู่ คบกันมานานเหมือนโตไปด้วย เจออะไรใหม่ก็ต้องมีปรับกันตลอด พอทะเลาะเราอารมณ์ชั้นจะต้องชนะ เธอต้องมาง้อชั้น ไม่มีใครยอมใครก็กลายเป็นทะเลาะกันรุนแรงกว่าทุกวันนี้ ทุกวันนี้ปล่อยวางมากขึ้น ก็ไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่ ทะเลาะกันใครง้อใคร? เอมี่ : พี่ซี ไม่ใช่แบบมาง้อ ใครคุยก่อนมากกว่า ไม่ใช่มาดีกันนะ แล้วก็ไม่พูดเรื่องเก่า นอกจากจะเป็นเรื่องใหญ่ ๆ มี่จะเป็นคนน้อยใจ ร้องไห้ง่าย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นละ เหมือนเรารู้แล้วว่าเค้าเป็นยังไง คิดอะไรอยู่ พื้นฐานก็รักกันแต่ความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกันเท่านั้นเอง เรื่องของระเบียบการจัดบ้าน? เอมี่ : เอาจริงๆมี่เป็นคนค่อนข้างจะขี่บน ทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนั้น เราบ่นไปเรื่อง ซีเค้าดีเค้าก็ปล่อยให้เราบ่น แต่เรื่องการตัดสินใหญ่ๆก็เป็นเค้านั่นแหละ หน้าที่ของภรรยาให้เค้าคิดว่าอำนาจอยู่ที่เค้า จริงๆมันไม่ใช่ เค้าเรียกมารยาเราก็มีวิธีการพูดของเราที่ให้เค้าตัดสินใจแบบนี้ มันเหมือนเราดีนะแต่เราร้าย สามีเยอะหรือเราเยอะ? เอมี่ : มี่เยอะนั่นแหละ เยอะทั้งคู่ แต่เราจะปล่อยให้เค้าคิดของเค้า อย่าให้รู้ว่าเป็นเราเยอะ สามีก็เยอะทุกเรื่อง มันตลกตรงที่เค้าจะพูดเสมอว่าเค้าเแป็นคนง่าย ๆ แต่จริง ๆ รายละเอียดของเค้าจะเยอะมาก เป็นคนเยอะ แต่บางทีลืมใส่กางเกงในออกจากบ้าน?...

“บี๋ ธีรพงศ์” ไม่กล้าให้คำปรึกษาลูกชาย เรื่องความรัก เปรย กลัวเรื่องจะเข้าตัว เพราะความแสบในอดีต 

นักแสดงมากฝีมืออย่างบี๋ ธีรพงศ์ ที่วันนี้ควงลูกชายสุดฮอต อินดี้ อินทัช จะมาเล่าทุกเรื่องราวการเลี้ยงลูกสุดแปลก ทั้งให้เล่นเกมส์ ดื่มไวน์ แต่เวลาลูกมีปัญหากลับไม่มาปรึกษาพ่อเป็นเพราะอะไร? พร้อมเผยสถานะหัวใจที่ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ...