ถนน Hammersmith โศกนาฏกรรมในอดีต จากการแกล้ง “หลอกผี” สู่ “ผีจริง”

โดยเรื่องราวสุดแปลกนี้เกิดขึ้นในช่วงปีศตวรรษที่ 19 เหล่าผู้คนที่อาศัยในแฮมเมอร์สมิธ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่างหวาดผวากับ ผีผ้าคลุม ในยามค่ำคืน ผู้คนในแถบนั้นก็ต่างหวาดกลัว เพราะโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ตัวและ เหยื่อยยังอ้างออกมาอีกว่า โดนบีบคอจนเกือบตาย 

จากเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจึงมีเวรยามเพื่อที่จะเฝ้าระวัง และตำรวจก็มีการเข้ามาทำเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่เรื่องราวนั้นก็ยังไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร จนกระทั่งช่วงดึกคืนหนึ่ง ชายหนุ่มที่ชื่อว่า “ฟรานซิส สมิธ” ได้วางแผนออกล่าผีซึ่งเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อว่า “ผีมีอยู่จริง”

และทันใดนั้น ตัวของเขาก็ได้พบกับผีที่ชาวบ้านต่างหวาดกลัว ตัวขอเขาก้ได้ตะโกนขึ้นมาว่า “หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิง” และผีตนนั้นที่ชาวบ้านได้กล่าวก็พุ่งเป้ามาหาตัวของเขา เขาจึงหยิบปืนขึ้นมายิงผีตัวนั้นจนล้มลงไปกับพื้น และเสียงปืนที่ดังลั่น ก็ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นแตกตื่น ต่างก็ออกมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะช่วยแบกร่างของผีตนนั้นไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้เพื่อช่วยชีวิต แต่ก็ไม่ทันไรผีตนนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว 

ความจริงปรากฎเมื่อตำรวจได้สืบสวนและตรวจสอบก็พบว่า ผีตนนั้น ความจริงแล้วคือ “โธมัส มิลวูด” ซึ่งในคืนที่เกิดเหตุ ตัวของโธมัส ก็ได้แวะไปเยี่ยมเยือนพ่อกับแม่ของเขา ก่อนที่จะกลับบ้านทั้งในชุดทำงานซึ่งก็เป็นชุดสีขาวสะอาด แต่ก็ยังมีฝุ่นละอองปูนปกคลุมไปตามร่างกาย ซึ่งตัวของภรรยาเขา ก็ได้เตือนไว้แล้วว่าให้เปลี่ยนชุดทำงานก่อนจะกลับบ้าน เพื่อกันคนจะเข้าใจผิด แต่ตัวของโธมัสก็ไม่ได้ใส่ใจ จนมาเกิดเรื่องโศกนาฏกรรมนี้

และเรื่องราวแสนเศร้าหลังจากผ่านไปหลายปี ก็ถูกเปิดเผยโดยช่างทำรองเท้าที่ชื่อว่า “จอห์น เกรแฮม” ก็ได้ออกมายอมรับความจริงว่า ผีที่ออกอาละวาดจนชาวบ้านต่างผวาบนถนน Hammersmith นั้น ความจริงคือตัวของเขาเอง ซึ่งเขาก็ได้ออกมาบอกว่า เขารำคาญที่มีพวกหนุ่มๆ ละแวกบ้านมาเล่าเรื่องผี จนทำให้ลูกของเขาได้ยินจนเกิดหวาดกลัว เขาเลยตัดสินใจแต่งตัวเป็นผีเพื่อที่จะไปหลอกหลอนพวกนั้นให้เข็ด จะได้ไม่ต้องยุ่งกับลูกของเขาอีก แต่กลายเป็นทำให้คนอื่นกลัว จนเกิดเป็นโศกนาฎกรรมดังกล่าว แต่ตัวของ จอห์น เกรแฮม ก็ไม่ได้รับโทษใดๆ จากการกระทำในครั้งนี้

แต่เมื่อเขาตายไปแล้ว ชาวบ้านที่อยู่ระแวกนั้นต่างก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ว่าพบเห็นวิญญาณของโทมัสอยู่..

About Author