“ปู่ใหญ่” ขอโทษชาวสุรินทร์ โผล่ทำพิธีเปิดเมืองพร้อม “เณรแอ”

อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยันไม่ได้รับเงินจากผู้ว่าฯ สักบาท “เณรแอ” ลั่นเขาไม่เชิญคงไม่ไป ได้ค่าน้ำมันเกือบหมื่น

กรณีที่มีภาพ “เณรแอ” อดีตจอมขมังเวทย์ โผล่ร่วมทำพิธีเปิดเมืองจังหวัดสุรินทร์ พร้อมจอมขมังเวทย์อีกหลายคน ต่อหน้าอนุสาวรีย์จังหวัด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวสุรินทร์ออกมาจวกกันยับ ช้ำใจกับพิธีดังกล่าวเพราะเพราะเป็นการฉีกกฎขนบธรรมเนียมที่ทำมาอย่างยาวนาน 60 ปี หวั่นบ้านเมืองจะเกิดอาเพศ ขณะที่ล่าสุดผู้ว่าฯ แถลงขอโทษแล้ว พร้อมทำบุญขอขมาครั้งใหญ่

รายการโหนกระแสวันที่ 17 ธ.ค. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ จ๋า วริศราลี แก้วปลั่ง นายกสมาคมพัฒนาเครือข่ายองค์กรชุมชน, ไก่ พักตร์วิไล และ ฮาเล่ย์ ตัวแทนคนสุรินทร์ มาพร้อม “เณรแอ” และ “ปู่ใหญ่” ที่ร่วมทำพิธีในวันดังกล่าว

พิธีที่เห็นกันอยู่ คือพิธีอะไร?

จ๋า : พิธีที่เกิดเมื่อวันที่ 15 เป็นเวทีที่คนสุรินทร์คาดไม่ถึง ช็อกกันทั้งจังหวัด ถ้าถามว่าเป็นพิธีอะไรในความรู้สึกของคนสุรินทร์มองว่าเหมือนพิธีกรรม และนี่ไม่ใช่พิธีเปิดเมือง เพราะสุรินทร์ไม่เคยปิด สุรินทร์เปิดตลอด

พี่ไก่ คืออะไร?

ไก่ : จริง ๆ เราอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินเสียงตลอด พอประมาณสามโมงมีน้องคนนึงพูดว่าเละเทะแน่ ๆ เราก็สืบค้นหาว่าอะไรเกิดขึ้น วิธีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำพิธีบวงสรวงเจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกของเรา เราไม่เคยมีพิธีกรรมเหล่านี้เลย พิธีกรรมแบบนี้ต้องเกิดเฉพาะคนที่มีความเชื่อ ทุกจังหวัดมีความเชื่อหมด มีเรื่องชาติพันธุ์ ไม่ใช่เฉพาะสุรินทร์ แต่นี่ไม่ใช่พิธีกรรมในการเปิดบ้านเปิดเมือง พิธีเปิดบ้านเปิดเมืองที่สุรินทร์เพิ่งจัดปีนี้ปีแรก เนื่องจากปัญหาโควิด เราเปิดเพราะการท่องเที่ยว พิธีการถูกเปิดอย่างเป็นทางการและสงบเงียบและสวยงามมากเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 64 พื้นที่ปราสาทศรีขรภูมิ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเรา และเราได้ร่วมพิธีนั้น แต่อยู่ๆ ทำไมวันนี้มีงานช้าง มีพิธีเปิดบ้านเปิดเมืองแบบนี้ มีเราไม่ว่า แต่วิธีการต่างๆ แบบนี้ต้องเป็นมงคล ต้องมีเกจิพระอาจารย์มาเปิดบ้านเปิดเมือง และมีพราหมณ์ หมอธรรม

พิธีที่เขามีสืบทอดมานาน เพราะเป็นเรื่องชาติพันธุ์ เขมร ลาว กุย อยู่ดั้งเดิมตั้งแต่โบราณ เขาก็ยึดถือมาอย่างนี้?

จ๋า : มันเป็นความเชื่อความศรัทธาของคนสุรินทร์ดั้งเดิม ใจกิจกรรมการเปิดงานช้าง ต้องมีผู้เฒ่าผู้แก่ อยู่ในกลุ่มคนเลี้ยงช้างมาทำพิธี ที่สำคัญคนสุรินทร์ถูกตีตราบาปอยู่สองเรื่องใหญ่ ๆ ว่าอยู่สุรินทร์ต้องกินสุรา ไม่กินสุราเป็นหมาสุรินทร์ อันนี้อาจเคยได้ยิน เหมือนบูลลี่จังหวัดเรามานานแล้ว สองสิ่งที่เราเจ็บปวดตลอดเวลาคืออย่าคุยกับคนสุรินทร์นะเดี๋ยวโดนเสกของเข้าท้อง จะโดนสายดำเสกตะปูอะไรต่าง ๆ

เขาบอกให้ระวัง คนสุรินทร์มีของ เป็นเมืองไสยเวทย์ เรารู้สึกถูกด้อยค่า เพราะไม่มีเรื่องแบบนั้น แล้วอยู่ดี ๆ ไปเชิญไสยเวทย์มาเหมือนตอกฝาโลงให้คนยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าเมืองสุรินทร์มีเมืองไสยเวทย์ นี่คือความเจ็บปวดของคนสุรินทร์?

ไก่ : ถูกต้องค่ะ

ฮาเล่ย์รู้สึกยังไง?

ฮาเล่ย์ : ผมอ้างอิงหนังสือของศาลากลางก็ได้ เขาบอกว่าเป็นการเปิดเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลของคนสุรินทร์ และเป็นการเปิดเมืองเพื่อต้อนรับท่องเที่ยว อย่างที่ทุกท่านบอก การเปิดเมืองจะเอาพิธีบวงสรวง เอานางรำมา มีเกจิอาจารย์ชื่อดัง แต่วันนี้เราเห็นขบวนไสยเวทย์มา เลยเกิดการตั้งคำถาม โดยเฉพาะผมซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เราเห็นพิธีนี้มาตั้งแต่เกิด ก็เลยเกิดการตั้งคำถามว่าเราจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นสิริมงคลแก่ชาวสุรินทร์จริงหรือเปล่า

ความหวั่นเกรงที่จะเกิดขึ้น เห็นว่าชาวสุรินทร์กังวลใจกันมาก หนึ่งบ้านเมืองจะฉิบหายถ้าทำแบบนี้ สองช้างตกมันจะกระทืบคนตาย คืออะไร?

จ๋า : มันเป็นข้อห้ามหลายอย่างที่ชาวช้างเขานับถือ พ่อครูช้างจะมีเรื่องของพิธีกรรมเฉพาะของเขา การทำพิธีกรรมแบบนี้ไม่ถูกต้อง และช้างที่เข้ามาในงาน แต่ละเชือก จะมีคนดูแล มีคาถากำกับ ไม่ใช่คาถาไสยเวทย์ แต่เป็นคาถาชาวกูยซึ่งดูแลช้างที่เขาบังคับกันได้ ชาวกูยเป็นชนชาติเดียวที่สามารถบังคับช้าง คุยกับช้าง สอนช้างได้เป็นอย่างดี สังเกตว่าปางช้างหลายๆ จังหวัด ไม่ว่าเชียงใหม่ พัทยา คนไปดูแลจะเป็นชาวกูยซะเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นเมื่อมีพิธีกรรมนี้เข้ามา มันจะเกิดอาเพศมั้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเณรแอ เราเชื่อว่าท่านคือหมอผี

เป็นหมอผีหรือเปล่า?

เณรแอ :   เป็นคนธรรมดา แต่มีไสยศาสตร์ ไสยเวทย์

จ๋า : เมื่อท่านเหล่านี้มา เราเชื่อว่ามันเป็นการสะกดวิญญาณบรรพบุรุษเราหรือเปล่า แล้วเป็นอะไรที่ลบหลู่ การบูชาบรรพบุรุษชายกูยเขายิ่งใหญ่อลังการมาก ทุกปีที่ทำชาวกูยจะใส่ชุดประจำเผ่าของเขาแล้วมาทำพิธีบวงสรวงกัน ไม่ใช่แบบนี้เลยโดยสิ้นเชิง

พี่ไก่มองยังไง?

ไก่ : เราในฐานะที่เป็นคนชาติพันธุ์เดิม เราผสมหลายเชื้อชาติในชุมชนนั้น วัฒนธรรมนี้เรามีความกังวลอยู่แล้วว่าจะหายไปในรุ่นลูกหลาน เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เรารู้สึกเจ็บปวดมาก นี่คือการทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีของเรา ทำลายคุณค่าความงดงามเอกลักษณ์สุรินทร์ และรากเหง้าเราด้วย เพราะเราไม่เคยทำแบบนี้ คนเขมร ลาว กูย เป็นคนที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดมาก คุณจะมาทำอะไรเราไม่ว่าแต่อย่าทำตรงนั้น พิธีเราเคารพบูชากันทั้งเมือง คุณจะมาเปิดสอนไสยเวทย์อะไรของคุณ ก็มีที่ให้ทำตั้งเยอะแยะ เราไม่ได้รังเกียจนะ ท่านจะไปแสดงในงานช้างแฟร์ก็ได้ มีบูธมีอะไรไม่ว่า แต่มุมนั้นเป็นมุมศักดิ์สิทธิ์ เราทำพิธีบวงสรวงโดยใช้พราหมณ์กับพระจะใช้ผู้หลักผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเซ่นไหว้ เรามีระดับชั้นมาก ยิ่งถ้าพูดเรื่องช้าง ช้างเป็นสัตว์สังคมอยู่เป็นครอบครัว ไปไหนไปด้วยกัน มีข้อห้ามเยอะมาก ทั้งการเลี้ยงช้าง วิถีชีวิตของช้างและคนเลี้ยงช้าง ที่ทุกคนแสดงความคิดเห็นว่าหวั่นช้างจะตกมัน จะเกิดอาเพศ เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเป็นยังไง แต่วันนี้จิตใจคนสุรินทร์ ร้อยละ 99 คิดแบบเดียวกัน รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง มันย่ำยีคนสุรินทร์มากเกินไป

เรื่องนี้ผู้ว่าฯ มาอยู่ในงานด้วย คิดว่าไม่สมควร?

ฮาเล่ย์ : คิดว่าไม่สมควร จริง ๆ ก่อนหน้ามารายการนี้เราได้ติดต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เขาบอกไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้มาก่อน อยู่ดี ๆ กลุ่มนี้ไปเอง

จ๋า : อยากฝากเลยว่าข้าราชการที่ไปอยู่สุรินทร์โดยเฉพาะผู้บริหาร ถ้าคุณเข้าไปแล้วควรไปศึกษาวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อความศรัทธาของคนในชุมชนก่อน แต่สิ่งที่ทำมาเนี่ยไม่มีคนสุรินทร์รู้เรื่องเลยแล้วแต่ละคนที่ถ่ายรูปร่วมกัน ผู้ว่าฯ ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อคนสุรินทร์ไม่ใช่ 3 โล 100 นะจะได้เหมือนกันทั้งจังหวัด เพราะฉะนั้นต้องดูว่าคนสุรินทร์เขามีความศรัทธาความเชื่ออะไรก่อนเชิญมา

ผู้ว่าฯ บอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีประเด็นนี้เกิดขึ้น ไม่เคยรู้ว่าเณรแอ ปู่ใหญ่ เหล่าอเวนเจอร์พวกนี้ไปสุรินทร์ ไปถึงแล้วเพิ่งรู้ตอน 5 นาทีแล้วถ่ายรูป เชื่อหรือไม่เชื่อ?

จ๋า : ไม่เชื่อค่ะ

ไก่ : ไม่เชื่อ

ฮาเล่ย์ : ไม่เชื่อ

เพราะอะไรถึงไม่เชื่อ?

ไก่ : ภาพลงเยอะแยะ ลงในปู่ใหญ่ ขณะที่เราโพสต์ไปคนแท็กรูปมาให้เราเยอะแยะก่อนหน้าบวงสรวง 5 วัน

ปู่ใหญ่ลงก่อนทำพิธี?

ปู่ใหญ่ : คืนนั้น

เอาชัด ๆ ก่อนทำพิธีใช่มั้ย?

ปู่ใหญ่ : ลงก่อน

คำว่าได้รับเชิญจากผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ และปลัดจังหวัดสุรินทร์ มาเปิดบ้านเปิดเมือง ตกลงใครเชิญ?

ปู่ใหญ่ : ท่านผู้ว่าฯ ไม่ได้เชิญ ตอนนั้นคนลงจริง ๆ คือคนของปู่ เพราะปู่อายุมาก โทรศัพท์ไม่เก่ง คนใกล้ชิดของปู่ลงให้

ใครเชิญ?

เณรแอ : ปู่ใหญ่เชิญ

ปู่ใหญ่ : ขอพูดก่อน ในนามปู่ใหญ่ขอโทษชาวสุรินทร์ครั้งนี้ที่ไปไม่เคยคิดไม่ดี ที่ไปครั้งนี้ต้องการให้เมืองสุรินทร์เจริญรุ่งเรือง เพราะปู่เป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เหมือนกัน ปู่เป็นคนเชิญเณรแอในฐานะที่ปรึกษา เมื่อทำชั่วมาตลอดชีวิต ติดคุก ออกมาแล้ว เป็นคนดีแล้ว มาช่วยกันเปิดบ้านเปิดเมืองได้มั้ย เณรแอก็รับปากว่าไปได้

ใครเชิญปู่ใหญ่?

ปู่ใหญ่ : เขาเพียงปรารถกัน แล้วปู่ใหญ่ไปเอง ในฐานะที่เราเป็นนายกสมาคม ปู่ใหญ่ไปถึงเย็น แล้วบอกว่าจะมาทำพิธีอย่างนี้ ๆ ช่วยประสาน

ปู่ไปงานนี้เอง?

ปู่ใหญ่ : ปู่มีเครือข่ายอยู่ในสุรินทร์

ฮาเล่ย์ : ใช่คนสามชื่อนี้มั้ย (ยื่นให้ดู)

ในนี้เป็นรูปภาพเครือข่ายปู่ใหญ่?

ปู่ใหญ่ : ในนี้หมายความว่างานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับก็ขอเชิญใครก็ได้มาให้กำลังใจในการที่เราไปครั้งนี้

ไปทำไม?

ปู่ใหญ่ : ก็อยากให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง เพราะปู่ก็รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก่อนหน้านั้นเราไม่รู้

สวดพิธีทำไม ทำอะไร?

ปู่ใหญ่ : สวดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นความเชื่อของคนที่มา คนในกลุ่มนั้น

เณรแอ : ก็ขอโทษชาวสุรินทร์ทุกคน เขาเชิญผมไป ผมก็ไป ถ้าไม่เชิญก็ไม่ไป ผมอยู่บ้าน ผมมีกิน ลูกศิษย์ลูกหาผมเยอะแยะ เขาโทรมาจี้ผมตลอดเวลา โอนเงินค่ารถค่าราเรียบร้อย

โอนให้เท่าไหร่?

เณรแอ : ก็พอสมควร เขาจ้างผมไปก็ต้องไป ไม่จ้างก็ไปไม่ได้ ค่าน้ำมันไม่เกินหมื่นบาท ก็ต้องไป

ใครจ้าง ใครให้หมื่นนึง?

เณรแอ : มีคนโอนมาให้เขาบอกว่าเป็นคนทางสุรินทร์

หลังจากนั้นเณรแอไปทำอะไร?

เณรแอ : ก็ไปอ่านโองการบวงสรวงเปิดบ้านเปิดเมือง อ่านโองการสรรเสริญคุณ พุทธคุณ ธรรมคุณ พระสังฆคุณแค่นั้นเอง

เคยศึกษาเมืองสุรินทร์มั้ย ว่าเขาไม่ต้อนรับ?

เณรแอ : ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ถ้ารู้อย่างนี้อยู่บ้านดีกว่า ถ้าไม่เชิญผมจะไปได้ไง เหมือนโหนกระแส ถ้าไม่เชิญผมจะมาได้ไง มาทำไม เพราะผมมีธุระของผม

ทุกวันนี้ทำมาหากินอะไร?

เณรแอ : ดูดวงชะตา ลงสาลิกาลิ้นทอง นะหน้าทอง จะผิดตรงไหน

ปู่ใหญ่เป็นใคร?

ปู่ใหญ่ : เป็นนักพรต ไม่ใช่พระนะ

ตอนแรกผู้ว่าฯ จะคุยด้วย แต่ตอนนี้ปิดเครื่องไปแล้ว อยากให้ทำยังไง เมื่อเช้าเขาออกมาขอโทษแล้ว?

ไก่ : เป็นพี่ ถ้าไม่มีใครเชิญพี่ก็ไม่ไป ณ ตอนนี้ตรงนี้เป็นเวทีสาธารณะ ทุกคนในประเทศนี้ โดยเฉพาะคนสุรินทร์จะได้สบายใจ ท่านสองคนบอกได้มั้ยว่าใคร เอาแค่ตำแหน่งก็ได้

เณรใหญ่ : ต้องถามปู่ใหญ่

ไก่ : หลักฐานต่าง ๆ ปรากฏชัดอยู่แล้ว ว่าเป็นใคร เราไม่รู้หรอกว่าก่อนและหลังงานที่ลงมาเป็นเหตุการณ์ก่อนหรือหลังแต่ภาพที่เห็นเรารู้ เราก็มีข้อมูลส่วนหนึ่งเหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง เพิ่งทราบข่าวตอนเช้า แล้วผู้ว่าฯ จะมารับคุณอย่างดิบดี และมีการเปลี่ยนคำสั่งให้เปลี่ยนจากการบวงสรวงแบบเดิม แบบพราหมณ์มาเป็นแบบนี้ มีคำสั่งนี้ออกมา มีทั้งหน่วยงานที่ได้รับเรื่องและไม่ได้รับเรื่อง

มีหมายกำหนดการออกมาเลย ที่น่าตกใจคือหน้าแรกคือหนังสือราชการ ลงวันที่ 9 จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ว่าฯ สุรินทร์ลงลายมือชื่อ อย่าหาว่าขยี้ ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้?

ไก่ : แล้วดูว่าเราจะคิดยังไง ที่เรามาวันนี้เพื่อหาคำตอบและข้อเท็จจริง เพื่อไปบอกพี่น้องชาวสุรินทร์ว่าเป็นเหตุการณ์แบบนี้ วันนี้เขาจะมีพิธีแก้โดยผู้ว่าฯ ทำพิธีขอขมา นิมนต์พระ 15 รูปมาสวดก็ไม่ใช่เรื่องที่เราพอใจนะคะ เพราะผู้ว่าฯ ไม่ยอมปริปากว่าใครเชิญมา ใครอุตริคิดเหตุการณ์แบบนี้บนผืนแผ่นดินสุรินทร์

ทำไมเณรแอ?

เณรแอ : ไม่มีตัวตนคนเชิญ ปู่ใหญ่เขาบอกมา

ปู่ใหญ่ : เณรแอเป็นที่ปรึกษา ก็ชวนไปสุรินทร์ด้วยกัน

ปัญหาคือใครเชิญไป งบประมาณที่จัดคือของใคร ใครจ่ายเงินให้คุณ นี่คือภาษีชาวบ้านชาวช่อง ?

ปู่ใหญ่ : เณแอร์นี่พ่อปู่จ่ายค่าน้ำมันเอง ให้ไป 7 พัน เงินสมาคม ไม่เคยได้เงินจากทางโน้น

เณรแอเท่าไหร่?

เณรแอ : 7 พัน

ลดจากหมื่น?

เณรแอ : ไม่ได้ลดจากหมื่นมันมีไลน์อยู่ เขาเติมน้ำมันให้ ก็แค่นั้นแหละ

ปู่ใหญ่ : ปู่เชิญเณรแอไปเปิดบ้านเปิดเมือง

ไก่ : ถ้าไม่มีใครบอกให้ท่านมาทำพิธีเปิดบ้านเปิดเมืองท่านจะมาได้ไง มันไม่เคยมีพิธีกรรมนี้

ปู่ใหญ่ : เป็นหมอสดัมช้าง

หลังผู้ว่าฯ ออกมาแก้แล้ว ทำไมถึงยังไม่พอใจ?

ไก่ : ที่เขามาทำพิธีตอนนี้คือมันเกิดกระแสสังคมจากชาวสุรินทร์ ที่เขาต้องออกมารับผิดชอบ หนึ่งให้มาเปิดสาธารณะ เชิญผู้สื่อข่าวและชาวบ้านมาฟังการแถลงข่าว มาบอกเหตุผลว่าใครเป็นผู้เชิญ เราอยากรู้ สองทำพิธีบวงสรวงใหม่โดยพราหมณ์เรียกขวัญใหม่ หรือสมโภชเมืองมีนางรำ เรียกขวัญพวกเราด้วย จากที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวสุรินทร์ กลายเป็นโปรโมตอะไร รายได้สุรินทร์เป็นอะไรไปแล้ว เมื่อวานนี้เราออกแถลงการณ์ 3 ฉบับด้วยกัน ฉบับหนึ่งโดยสภาทนายความและเครือข่าย ฉบับที่สองโดยชมรมชาวกูยแห่งประเทศไทย ฉบับที่สามสภาพลเมืองแห่งสุรินทร์ เราเรียกร้องภายในจังหวัดเองให้ผู้ว่าฯ ออกมารับผิดชอบ ออกมาแถลงการณ์ออกมาบอกเหตุผลว่าเชิญมาเพราะอะไร ทำไมแก้ไขกำหนดการ งบใครแทบไม่ต้องถาม ตื่นมาหยิบแปรงสีฟันนั่นคือตังค์เราแล้ว มันเป็นภาษีเรา เราไม่แฮปปี้ ไม่สำคัญเท่ากับนี่คือการย่ำยีขนบธรรมเนียมอันดีงามของคุณสุรินทร์ ทำลายเมืองท่องเที่ยว เมืองวัฒนธรรมของเราอย่างยากจะฟื้นคืนมาได้

เข้าใจสิ่งที่เขากำลังเจอ เขารู้สึกแย่ ตลอดชีวิตที่อยู่เมืองสุรินทร์ ได้ยินแต่เสียงพูดของหลายๆ คนบอกว่าอย่าคุยกับคนสุรินทร์ เดี๋ยวจะโดนของ ที่นี่มีแต่ไสยเวทย์ เขาพยายามบอกว่าไม่ใช่ สุรินทร์เป็นจังหวัดที่สวยงาม มีความเมตตาปราณี มีชาติพันธุ์เหมือนที่อื่น เขาพยายามหลีกเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เหมือนตอกฝาโลงเขา ตอกในหัวใจเขา?

จ๋า : ในอนาคตข้างหน้าจะมีอะไรก็ตามในจังหวัดสุรินทร์ อยากให้ผู้บริหาร ข้าราชการ ท่านไม่ใช่คนสุรินทร์ ท่านควรศึกษาบริบทคนสุรินทร์ และถามคนสุรินทร์ด้วยว่าอยากมีส่วนร่วมหรือเปล่า การพัฒนาถ้าจะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดตามความต้องการของคนสุรินทร์ อย่างที่ท่านบอกว่าคนสุรินทร์เชิญไป นั่นคือคนสุรินทร์คนเดียว แต่มีคนสุรินทร์อีกหลายๆ คนที่ไม่ได้เชิญไป ย่อมทำให้เรารู้สึกว่าคนสุรินทร์คนนั้นคือใคร ทำไมถึงมีสิทธิมาทำอะไรในบ้านเมืองเราโดยที่ไม่ถามคนสุรินทร์

ปู่ใหญ่ : ขอย้ำอีกทีว่าขอโทษชาวสุรินทร์ ครั้งนี้เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ยืนยันว่าปู่ใหญ่ไม่ได้รับเงินจากท่านผู้ว่าฯ สักบาทเดียว

About Author