เปิดใจ “พ่อน้องจีจี้” เหยื่อความรุนแรง รับมีสัญญาณก่อนเกิดเหตุ แต่คิดไม่ถึงว่าจะลงเอยแบบนี้

วิเคราะห์ข่าวสลด เปิดประเด็นสังคมไทยภัยเงียบใช้ความรุนแรง กับคดีล่าสุดคู่รักเหยื่อสาวเน็ตไอด้อลชื่อดัง และชายหนุ่มนักเรียนเตรียมทหารที่มาจบชีวิตลงภายในห้องพักคอนโดหรูย่านอโศก ร่วมถอดสัญญาณความรุนแรงเตือนภัยเงียบ ในรายการ “เจาะข่าวเด็ด สเปเชียล” (The Day News Update Special) โดยผู้ประกาศข่าว “บ๊อบ-ณัฐธีร์  โกศลพิศิษฐ์” พร้อมญาติเหยื่อผู้เสียชีวิต คุณชินโชติ  ปรีดาเจริญ  พ่อของน้องจีจี้ เข้ามาร่วมวิดีโอคอลเปิดใจในรายการ และคุณอังคณา  อินทสา  หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยสถิติความรุนแรงในคู่รักกำลังเพิ่มมากขึ้น…

บ๊อบ ณัฐธีร์ : ตอนนี้คุณพ่อปรับสภาพความรู้สึกรับได้บ้างหรือยังครับ?                                                

พ่อน้องจีจี้ ยังไม่ได้ แต่เราก็ต้องรับให้ได้ จริง ๆ เมื่อเดือนกว่าก็ไปหาเขาที่คอนโดที่เกิดเหตุ น้องยังทำขนมปัง อโวคาโดให้กิน วันอาทิตย์นี้จะไปหาเพื่อเลือกขวดที่น้องจะทำครีมหมักผม เขาส่งมาให้ดูเมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย. ก็คุยกันน้องบอกจะทำธุรกิจครีมหมักผม ได้สูตรมาจากเกาหลี กำลังให้โรงงานแกะสูตรอยู่ ก็บอกลูกว่าดีเลยลูกรู้เรื่องธุรกิจ เมื่อก่อนตอนเด็กไปไหนด้วยกัน ตั้งแต่เล็กก็พาไปไหนด้วยกัน สนิทมากที่สุดในลูก 4 คน                                                                                   

บ๊อบ ณัฐธีร์ : ตอนนั้นมีสัญญาณอะไรที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ว่ากำลังคบกับผู้ชายคนนี้ที่พกอาวุธ?          

พ่อน้องจีจี้ ไม่ได้รู้ทั้งหมด ไม่ได้เข้าไปเจอลูก มีแต่ให้เงินค่าเทอม ค่าใช้จ่ายบางส่วน แต่เขามีรายได้ของเขา  แล้วแต่เขาอยากจะขอก็ให้ตามเงื่อนไข ตามเหตุผล                                                                                                                       

บ๊อบ ณัฐธีร์ : ระหว่าง 2 ปี ที่จีจี้อยู่กับคุณแม่มีระแคะระคายเรื่องที่คบกับแฟนคนนี้มั้ยครับ?                           

พ่อน้องจีจี้ : ไม่มีเลย ผมไม่ดูโซเชียล แค่ดูไลน์ แล้วก็โทรเรื่องงาน โทรหาลูก สัญญาณไม่รู้เลย ถ้ารู้จะไม่ให้เกิดเรื่องนี้แน่นอน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ถ้ามีสัญญาณจะเข้าไปถามปัญหาลูก  ถ้ารู้ก็ต้องคุยกับผู้ชาย                                                        

บ๊อบ ณัฐธีร์ : หลายครอบครัวที่เป็นแบบนี้ ลูกอาจจะกังวลไม่อยากให้พ่อแม่รับรู้ กลัวไม่สบายใจกลัวมาห้ามปรามเกิดขึ้นเยอะ                                                                                                                     

คุณอังคณา ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราจะเจอน้องที่เป็นวัยรุ่นที่มีแฟนก็จะไม่ค่อยบอกว่าอยู่กับแฟน หรือกำลังคบกับแฟนคนนี้ อย่างที่พ่อบอกว่าน้อง ๆ ก็กลัว เพราะหลายครอบครัวยังรับไม่ได้กับการที่ออกมาอยู่ด้วยกันแบบนี้สังคมมองว่าผู้หญิงอาจจะไม่ดีหรือเปล่า   หรือว่าการอยู่ก่อนแต่งแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าอายในสังคม  ในหลายครอบครัวก็ไม่ได้เปิดโอกาส หรือว่าฟังในสิ่งที่น้อง ๆ ได้บอก คือถ้าเปิดมาก็รับไม่ได้ อันนี้เป็นทัศนคติที่สังคมยังเป็นอยู่ในหลาย ๆ ครอบครัว

บ๊อบ ณัฐธีร์ : ย้อนไปที่คุณพ่อ ถ้ารู้ว่าน้องจีจี้ไปอยู่กับแฟนจะรับได้มั้ยครับ?                                       

พ่อน้องจีจี้ : รับได้ แต่ต้องมีการพูดคุยกัน เรื่องสำคัญที่สุดคือย้ำเสมอถ้ารู้ว่ามีทุบตี มีเหตุแบบนี้ก็ต้องคุยกับลูกกับฝ่ายชายไม่ให้เกิดปัญหานี้ เพราะถ้าเกิดครั้งแรกก็จะมีอีก สังคมเราเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเยอะ เทคโนโลยีต่าง ๆ ทุกอย่างมีอะไรมาแปรผันเยอะ สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัว ถ้าคนไม่รู้จักใช้ชีวิตก็จะตกเป็นเหยื่อ ถ้ารู้ไปถึงขั้นว่าพกปืน ต้องดึงลูกออกมาให้ห่าง             

บ๊อบ ณัฐธีร์ : เห็นว่าสถิติการใช้อาวุธในคู่รักเป็นสถิติที่น่ากลัวมากใช่หรือเปล่าครับ?                               

คุณอังคณา : ใช่ค่ะ จากการเก็บข้อมูลของมูลนิธิจากข่าวหนังสือพิมพ์ 1 ปีจะมีประเด็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเกือบ 400 เคสต่อปี และ 50% ประมาณ 200 คน เสียชีวิตจากในครอบครัวและสถานการณ์ความสัมพันธ์จากคู่รัก อาวุธปืนเป็นอันดับแรกของการใช้ความรุนแรง  อันดับ 2 คือมีด อันดับ 3 คือทำร้ายร่างกาย                 

บ๊อบ ณัฐธีร์ : ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เห็นว่ามีสัญญาณบอกเหตุ มีกี่ข้อ กี่เรื่องครับ?                                 

คุณอังคณา : ในเรื่องวงจรความรุนแรง ในน้องจีจี้จะเห็นชัดว่าวงจรความรุนแรงที่เกิดวงจรแรก เกิดความคุกรุ่น ทะเลาะกันก่อนจะใช้ความรุนแรงทุบตี ด่ากัน จากนั้นน้องผู้ชายก็ขอคืนดี มีง้องอนกัน จากนั้นก็จะมีความสุขร่วมกัน แล้วก็เข้าสู่วงจรเดิม เป็นวงจร 4 สเต็ป ความรุนแรงในครอบครัว ถ้าจับสัญญาณได้ตั้งแต่เริ่มคุกรุ่น ก่อนที่จะเกิดความรุนแรง จะมีสัญญาณเรื่องการหึงหวง การทำให้ขายหน้า  การแบล็กเมล์เอารูปบางอย่างไปเผยแพร่ รวมถึงการข่มขู่ต่าง ๆ                           

บ๊อบ ณัฐธีร์ : จริง ๆ มีสัญญาณออกมา แต่เราอาจจะไม่รู้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?                                      

พ่อน้องจีจี้ : คือได้คุยกับจีจี้  ลูกบอกว่าจะมานครปฐมจะมาเจอเพื่อนสาธิต  คำนี้ไม่เคยได้ยินลูกพูดตลอด 2 ปีที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย ก็คิดแล้วว่าลูกคงมีปัญหาอะไร  อีกครั้งคือลูกบอกว่าถ้าว่างให้มานอนด้วย แต่ห้องคอนโดมันมีห้องเดียวแล้วก็มีห้องรับแขก มันไม่มีที่นอน ลูกสาวโตแล้ว ในห้องนั้นเคยไปแต่ไม่เคยนอนค้าง                                                                          

บ๊อบ ณัฐธีร์ : มีประเด็นเป็นแชทที่พ่อของอิคคิวบอกว่าจะฟ้องคนที่เปิดเผยบอกว่าเป็นแชทปลอม ที่เป็นคำสอนของพ่อต่อลูก คุณพ่อรู้สึกยังไงกับการสอนแบบนี้?                                                                          

พ่อน้องจีจี้ : ได้เห็นหน้าคุณพ่อเมื่อวันที่ไปคอนโด คิดว่าท่านไม่น่าจะมีความคิดแบบนี้ จริง ๆ ผมว่าท่านเป็นคนที่ใช้ได้พอสมควร เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้วก็สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย  ไม่ได้โกรธครอบครัวเขา คิดว่าทุกคนมีเหตุผล  ซึ่งคุณพ่อเขาก็หนักใจ  แต่เห็นหน้าแก คิดว่าแกเป็นคนใช้ได้  แต่ด้วยอะไรในคำพูดที่สื่อลงก็ได้ยินเหมือนกัน  ก็คิดว่าไม่น่าใช่ความคิดของท่าน จริง ๆ ลูกก็เลี้ยงอยู่ในกรอบทุกคน แต่ครั้งนี้คือลูกส่งสัญญาณมาแล้วแต่ไม่ทัน  อีก 3 คน ต้องมาพูดคุย เรื่องนี้เป็นบทเรียน ยังเชื่อเหมือนเดิมว่าถ้าได้เจออิคคิวจะไม่เกิดเหตุแบบนี้  ไม่ใช่จะให้เลิกคบ แต่มีเหตุผลที่จะคุยกับเขา

ติดตามรายการ “เจาะข่าวเด็ด สเปเชียล” (The Day News Update Special) โดยผู้ประกาศ “บ๊อบ-ณัฐธีร์  โกศลพิศิษฐ์” เจาะลึกกันแบบสด ๆ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ทางช่องMONO29 หรือที่แอปพลิเคชัน MONO29 สามารถรับชมรายการย้อนหลังได้ที่ https://youtu.be/bdimCkrL40Q

About Author