“The Pope’s Exorcist โป๊ปปราบผี” จากแฟ้มเหตุการณ์จริง ของหัวหน้ามือปราบผี แห่งนครวาติกัน

พุธที่ 26 เมษายน ในโรงภาพยนตร์

จากแฟ้มเหตุการณ์จริงของหลวงพ่อ “เกเบรียล อามอร์ธ” หัวหน้ามือปราบผีแห่งนครวาติกันที่เคยทำพิธีไล่ผีร้ายมาแล้วกว่าแสนครั้ง!

The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี เรื่องราวของอามอร์ธ ตัวท็อปมือปราบผี นำแสดงโดย “รัสเซล โครว์” (เจ้าของรางวัลออสการ์) เมื่อต้องเข้าไปสืบเรื่องราวสุดสะพรึงของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกผีร้ายเข้าสิง ความสยองขั้นสุด กับความลับยาวนานหลายร้อยปีที่วาติกันพยายามปิดซ่อนไว้

ข้อมูลงานสร้าง                                                                                                                                        สกรีน เจมส์ ร่วมกับ 2.0 เอนเตอร์เทนเมนต์ ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดย 2.0 เอนเตอร์เทนเมนต์/โลโยลา โปรดักชันส์ ภาพยนตร์โดยจูเลียสเอเวอรี The Pope’s Exorcist นำแสดงโดยรัสเซล โครว์, แดเนียล โซวัตโต้, อเล็กซ์ เอสโซและฟรังโก้ นีโร กำกับโดยจูเลียส เอเวอรี อำนวยการสร้างโดยดั๊ก เบลเกรด, ไมเคิล แพทริค แค็กซ์มาเร็ค และเจฟฟ์ แคทซ์ บทภาพยนตร์โดยไมเคิล เพโทรนีและอีวาน สปิลิโอโทปูลอส เรื่องราวภาพยนตร์โดยอาร์. ดีน แม็คครีรี & เชสเตอร์ เฮสติ้งและเจฟฟ์แคทซ์ จากหนังสือเรื่อง “An Exorcist Tells His Story” และ “An Exorcist: More Stories” โดยบาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ ผู้ควบคุมงานสร้างได้แก่โจ โฮมวู้ด, โซฟี คาสสิดี้และเอ็ดเวิร์ด เจ. ซีเบิร์ต, เอสเจ ผู้กำกับภาพคือคาลิด โมห์ตาเซ็บ ผู้ออกแบบงานสร้างคืออลัน กิลมอร์ มือลำดับภาพคือแมทท์ อีวานส์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือลอร์นา มารี มูแกน ดนตรีโดยเจ๊ด เคอร์เซล     

ไร้ความเห็นใจต่อปีศาจ.                                                         

สำหรับคนหลายพันคน บาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธ ผู้ที่บางคนรู้จักในนามของคณบดีนักปราบผี และที่หลาย ๆ คนรู้จักในนามนักปราบผีแห่งวาติกัน คือแสงสว่างในความมืดมิด บาทหลวงอามอร์ธ ชายผู้ทำการไล่ผีหลายพันครั้งเพื่อศาสนา เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์แนวหน้าในสงครามต่อสู้กับปีศาจร้าย  ที่เขาได้บันทึกเรื่องการต่อสู้ของเขาในอนุทินสองเล่ม ที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ นอกเหนือเหตุการณ์น่าขนลุก เพื่อสำรวจภัยคุกคามมนุษยชาติ ที่เกิดจากปีศาจร้ายบัดนี้ การผจญภัยของบาทหลวงอามอร์ธจะโลดแล่นบนหน้าจอเป็นครั้งแรกใน The Pope’s Exorcist บทนักบวชในตำนานผู้นี้แสดงโดยรัสเซล โครว์ เจ้าของรางวัลออสการ์ “ในวาติกัน มีตำแหน่งจริงๆ ที่เรียกว่าหัวหน้านักปราบผีครับ” เขาอธิบาย “บาทหลวงกาเบรียล อามอร์ธเป็นคนจริง ๆ ผู้ครองตำแหน่งนั้นมา 36 ปี และเกี่ยวข้องกับการไล่ผีหลายหมื่นครั้ง”                                               

แล้วเมื่อคุณทำอะไรบางอย่างเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ครั้ง คุณก็จะเกิดความชำนาญมาก ๆ ไม่มีนักล่าปีศาจคนไหนที่เก่งกว่าบาทหลวงอามอร์ธอีกแล้ว…และเราก็ต้องการเขาในการต่อสู้กับปีศาจของเขา “ผู้กำกับของเรา จูเลียส เอเวอรี มักพูดถึงหนังเรื่องนี้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างสุดยอดผู้ล่าสองฝ่าย นั่นคือปีศาจและบาทหลวงอามอร์ธครับ” ผู้อำนวยการสร้างดั๊ก เบลเกรด ในภาพยนตร์เรื่องนี้ อามอร์ธเป็นทั้งชายผู้มีศรัทธาแน่วแน่ทางศาสนาและเป็นนักสืบสวนในแบบที่กัดไม่ปล่อย ขณะที่เขาหมายมั่นที่จะดำเนินการหนึ่งในการขับไล่ผีที่ดื้อด้านที่สุดในอาชีพที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของเขา นักบวชผู้นี้จะค้นพบความจริงเบื้องหลังความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้หลายร้อยปี และเปิดโปงการสมคบคิดที่ยิ่งใหญ่กว่า แม้จะได้รับคำเตือนจากวาติกันก็ตามที “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีศรัทธาอย่างลึกซึ้ง แต่แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีความนึกคิดอิสระครับ” โครว์กล่าว “เขามุ่งมั่นที่จะเป็นคนเปิดกว้างและเปิดเผย  เขาไม่เกรงกลัวความผิดพลาดของมนุษยชาติ เขายอมรับข้อบกพร่องและความแปลกประหลาดของมนุษย์ความซื่อสัตย์จากสัญชาตญาณของเขาช่วยเขาในการทำงานนี้ครับ”                                             

“เขาเป็นหนึ่งในพวกเกเรภายในสถาบัน เป็นคนนอกคอกที่ท้าทายสถานภาพที่เป็นอยู่เดิมครับ” ผู้กำกับจูเลียส เอเวอรีกล่าว “ผมชื่นชมเรื่องนั้น ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้านักปราบผีแห่งวาติกัน เขาเป็นคนที่สร้างเสียงอื้อฉาวมากๆ เพราะเขาพูดออกมา เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ”.                                       

เอเวอรีกล่าวว่า อามอร์ธเป็นตัวละครที่โดดเด่นจากความเชื่อที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกัน แต่จริงๆ แล้ว สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษาสูง เป็นคนช่างสงสัยที่เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสมัยใหม่ แต่ก็เป็นผู้มีความศรัทธาแน่วแน่ในพลังของพระเจ้า และปีศาจด้วย “ผมเชื่อว่า 98% ของทุกอย่างสามารถใช้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ครับ” เอเวอรีกล่าว “แต่มีอีก 2% ที่อธิบายไม่ได้ และนั่นคือสิ่งที่เราสำรวจในหนังเรื่องนี้ครับ”.           

“ดังนั้น หลายคนก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากเขา และสำหรับคนส่วนใหญ่เขาก็ส่งต่อไปให้ได้รับการรักษาทางจิตวิทยาหรือทางการแพทย์ อาการเจ็บป่วยของพวกเขามีคำอธิบาย แต่ก็มีบางเคสที่เขาอธิบายไม่ได้” เบลเกรดกล่าว “เคสเหล่านั้นแสดงให้เขาเห็นว่าการเข้าสิงเป็นเรื่องจริงและปีศาจได้เคลื่อนไหวในรูปแบบของการเข้าสิงผู้คนที่เปราะบาง เปลี่ยนพวกเขาให้เข้าสู่ด้านมืด ท้ายที่สุดแล้ว หน้าที่ของเขาคือการพยายามช่วยเหลือพวกเขา รักษาจิตวิญญาณของพวกเขาและกำจัดการถูกรังควาญจากปีศาจของพวกเขาน่ะครับ”.                    

ความเปิดเผยที่เป็นเอกลักษณ์ อารมณ์ขันและมุมมองต่อพิธีกรรมที่ลึกลับที่สุดของคริสตจักรของบาทหลวงอาร์มอธทำให้อนุทินทั้งสองเล่มของเขา An Exorcist Tells His Story และ An Exorcist: More Stories กลายเป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์ ผู้อำนวยการสร้างไมเคิล แพทริค แค็กซ์มาเร็คสามารถซื้อสิทธิหนังสือเหล่านี้มาได้ก่อนที่บาทหลวงอาร์มอธจะเสียชีวิตลงในปี 2016.                

ผู้อำนวยการสร้างคนอื่น ๆ ได้พยายามแต่ก็ล้มเหลวในการเกลี้ยกล่อมอาร์มอธให้พวกเขาได้รับโอกาสในการเปลี่ยนอนุทินของเขาให้กลายเป็นภาพยนตร์ “ผมเชื่อว่าที่ผมประสบความสำเร็จในขณะที่ผู้อำนวยการสร้างคนอื่นๆ ล้มเหลวคือผมสามารถทำให้บาทหลวงอาร์มอธเชื่อได้เกี่ยวกับความทุ่มเทอย่างจริงใจที่ผมมีต่อศาสนาครับ” แค็กซ์มาเร็คอธิบาย “ในการพูดคุยของเรา ผมสามารถทำให้เขาเชื่อได้ว่าถ้าเขาลองทำงานกับผมดู ผมจะพยายามทำให้แน่ใจว่า จะมีการปกป้องศาสนาคริสต์อย่างดีในหนังเรื่องนี้ และเขาจะได้รับความเคารพในฐานะบุคคล ร่วมไปกับคริสต์จักรและนิกายความเชื่อของเขาน่ะครับ”.    “อนุทินพวกนั้นเป็นคลังสมบัติของเรื่องราว เกร็ดประวัติศาสตร์ แฟ้มเหตุการณ์จริงๆ หลายร้อยเรื่อง ที่บาทหลวงอามอร์ธได้ขับไล่ปีศาจ ไม่มีขีดจำกัดใดๆ เลยในแง่ของจำนวนเรื่องราวที่เราสามารถเล่าได้” แค็กซ์มาเร็คกล่าว “ผมกับหุ้นส่วนการอำนวยการสร้างของผมนำเสนอหนังเรื่องนี้ว่าเป็นเหมือนเจมส์ บอนด์ของนักปราบผี มันเป็นคอลเล็กชันรวมเรื่องราวและเป็นโลกของเรื่องราวมากมาย ที่นำมารวมกันจากอนุทินทั้งสองเล่มนี้เพื่อมาสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าวนั้นครับ”.                                   

ผู้อำนวยการสร้างเจฟฟ์ แคทซ์กล่าวว่า การเล่าเรื่องราวของการไล่ผีผ่านทางมุมมองของวาติกัน“ทั้งความมั่งคั่ง ความลึกลับและการสมคบคิด” เขากล่าว ทำให้เรื่องราวนี้แปลกใหม่ “คนเรามีความสนใจตามธรรมชาติในสังคมปิด และในรัฐที่ทรงพลังอย่างวาติกันครับ” เขากล่าวต่อ “มีความเคลือบแคลงสงสัยในสถาบันของเราและความมั่งคั่งที่เกิดจากอำนาจของเรามากมาย ซึ่งนั่นทำให้ตัวละครอย่างอามอร์ธ ซึ่งเป็นคนหัวขบถภายใน มีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งขึ้นครับ”.                                   

 ในภาพยนตร์เรื่องนี้ บาทหลวงอามอร์ธและคู่หูของเขา บาทหลวงเอสควิเบล ที่รับบทโดย แดเนียล โซวัตโต้ ได้สืบเรื่องราวการถูกสิงสู่ที่โบสถ์เซนต์ เซบาสเตียนในแคว้นคาสติล ประเทศสเปน ที่ครอบครัวหนึ่งกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการบูรณะอาคารเก่าแก่ “ในหนังเรื่องนี้ โบสถ์แห่งนี้มีประวัติยาวนานกับพระคริสตจักรคาธอลิค และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่น ที่ถูกเปิดเผยออกมา” โครว์กล่าว “เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของพระคริสตจักรคาธอลิค เพราะมีการลงโทษคนที่การแสดงออกของพวกเขาไม่ได้สื่อถึงการมีศรัทธาอย่างลึกซึ้ง เราทุกคนต่างก็คิดว่านั่นเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการล้วงลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์ของสเปนครับ”.     

ทีมผู้สร้างได้ห่อหุ้มเรื่องราวนี้ไว้ภายในแนวคิดเกี่ยวกับเทวดาตกสวรรค์ในคัมภีร์ไบเบิล“หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของหนังเรื่องนี้ถูกหยิบยกมาจากคำบรรยายในคัมภีร์ไบเบิลที่พูดถึงลูซิเฟอร์และเทวดาตกสวรรค์ทั้งหลาย” โครว์กล่าว “ว่าพวกเขาถูกไล่มายังโลกและถูกขังอยู่ใต้ดินยังไง พวกเขาถูกกำจัดรึเปล่า นั่นกลายเป็นพล็อตย่อยที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในหนังเรื่องนี้ เมื่อพวกนักบวชเริ่มตระหนักว่าพวกเขากำลังรับมือกับอะไรน่ะครับ”.   

แน่นอนว่า The Pope’s Exorcist ค่อนข้างจะแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ สำหรับผู้ชมที่มีศรัทธา “ผู้ชมปัจจุบันมีความรอบรู้พอที่จะค้นพบความหมายในความบันเทิงเมนสตรีม นอกเหนือจากเนื้อหาที่อ้างอิงจากความศรัทธาดั้งเดิมครับ” เขาอธิบาย “The Pope’s Exorcist สะท้อนถึงแง่มุมที่ท้าทายที่สุดของศรัทธาหลายอย่าง ในตอนที่เรานำเสนอเกี่ยวกับบาปและความชั่วร้าย มันก็สะท้อนถึงความเจ็บปวดในอดีตและปัจจุบันของเรา แม้ว่าปีศาจในหนังเรื่องนี้อาจจะดูสุดโต่งและโอเวอร์ไปบ้าง แต่การเคลื่อนไหวของการรบกวนและปีศาจภายในตัวพวกเรามีพลังที่จะครอบงำเราผมเชื่อเสมอว่าพลังของการสวดภาวนา การเอ่ยนามของปีศาจ การให้อภัยบาป และการเอาชนะปีศาจเป็นสิ่งสำคัญต่อศรัทธา และเรื่องราวไหนก็ตามที่ลงเอยด้วยการปราชัยของศัตรูในท้ายที่สุดแล้วก็คือเรื่องราวของความหวังครับ”

About Author