“กระแต – กระต่าย อาร์สยาม” รับเคยทะเลาะหนักจนออกจากวง!!! พร้อมเผยปาฏิหาริย์องค์พระพิฆเนศ

กระแต อาร์สยาม-กระต่าย อาร์สยาม ที่วันนี้ขอมาเปิดความสัมพันธ์พี่น้องที่เลี้ยงกันมาด้วยลำแข้ง เคลียร์คำครหากระแตใช้เส้นดันน้องสาวกระต่ายเข้าวงการ พร้อมเผยกระต่ายโดนบูลลี่ทำนอยด์หนักมาก ย้อนเล่าเหตุการณ์พี่น้องแตกคอกันถึงขึ้นไม่ร้องเพลงร่วมเวทีเดียวกันมาแล้ว ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกร

จริงหรือเปล่าตอนทะเลาะกันตอนเด็กต่อยกันจริง ?

กระแต : พี่น้องหลายๆคู่น่าจะเป็น ตีกันไปตีกันมาก็เริ่มแรง พอแรงปุ๊บก็ซัดกันเลย ต่อยกัน

กระต่าย : พี่สาวเค้าหมั่นเขี้ยวเราก็จะหยิกเรา เริ่มแรงไง ส่วนใหญ่กระแตเริ่มก่อน

ถึงจะทะเลาะกันยังไง คู่นี้ทำทุกอย่างด้วยกัน เรียน การแข่งขันร้องเพลง ?

กระแต : ทำด้วยกันทุกอย่าง ต่อยมวย ประกวดร้องเพลงก็ไปด้วยกัน ทำทุกอย่างด้วยกัน

ไม่ว่าจะแข่งอะไรแต่ส่วนใหญ่พี่สาวจะชนะ เราไม่งอน ?

กระต่าย :  ไม่งอนค่ะ เพราะเค้าชนะที่ 1 ของจังหวัด หรือที่ 1 ของภาค เราก็ที่ 2 แต่ครั้งนึงถ้าชนะพี่แตรจะประสบความสำเร็จแล้ว แต่เราภูมิใจเค้าเก่งจริง ๆ โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งมันร้องยาก ต้องเก็บรายละเอียดมันต้องเอื้อน หนูขี้เกียจซ้อมน้อยกว่าเค้าเยอะ

กระแต :  เป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกัน แตรจะมีวินัย ไฮเปอร์ ทำอะไรทำสุด แต่คนนี้จะฉลาดแกมโกง เค้าจะขี้เกียจ เค้าจะไปสู่ความสำเร็จด้วยทางลัด เช่น ถ้าซ้อมมวยต้องวิ่งรอบใหญ่ 10 รอบ เค้าจะวิ่งแล้วลัดสนาม แต่วิ่งเท่ากัน คุณพ่อก็เห็นแต่เค้าปล่อย เพราะเวลาชกจริงนางก็จะไม่แข็งแร็ง

กระต่าย : ตอนที่ชกมวยสมัยก่อนชกมวยหญิงยังไม่เป็นที่นิยมมาก เวลาต่อยแพ้ชนะก็ได้ค่าตัวเท่ากัน 300 จะต่อยให้ชนะทำไม ก็ต่อยๆให้จบไปซะ

เวลาร้องเพลงบางบ้านเหมือนรู้สึกว่ากดดันพี่ชนะตลอดเลย เราไม่มีโมเม้นท์นั้นเลยหรอ ?

กระต่าย : ไม่มีเลย ดีแล้ว สุดท้ายรางวัลก็เข้าบ้านเรา แต่หนูว่าหนูสบายนะ เค้าชนะ ซ้อมหนัก หนูไม่ต้องซ้อมหนักหนูก็มีเค้าเลี้ยง

หลายคนไม่ทราบว่ากระต่ายเข้าวงการได้ตอนแรกเพราะไปเป็นเงาเสียงให้พี่สาว ?

กระต่าย : มันไม่เชิงเป็นเงาเสียง ตอนนั้นหนูจบ ปวช บัญชีมา หนูก็ตามแม่กับพี่มาทำงาน หนูก็ไปขายซีดีเวลาร้องคอนเสิร์ตสมัยก่อนจะมีคนขายซีดี พี่แตรร้องอยู่บนเวทีหนูก็ไปขาย 2 แผ่น 100

กระแต : เสียงไม่มีวันนั้น ไม่สบายไม่มีเสียงเลย เส้นเสียงไม่มีเสียงออก นางก็ร้องอยู่หลังเวทีลิปซิงค์ให้หนู เค้าร้องได้เสียงเหมือนหนูเลย ทุกวันนี้ขนาดเพลงเมรีที่ร้องคู่กัน คนยังเข้าใจว่าเสียงแตรคนเดียวเลย

กระต่าย : พอลิปซิงค์ให้บ่อย ๆ มีอยู่งานนึงคือโป๊ะ เค้าหยุดร้องแต่หนูยังร้องอยู่ พี่เค้าก็เลยชวนขึ้นเวที

กระแต : ก็เริ่มพาน้องขึ้นเวที คือเราเกรงใจเจ้าภาพ เค้าจ้างเราเราไม่รู้ว่าการเอาคนอื่นขึ้นเวทีด้วยจะยังไง

เราเคยบอกเจ้าภาพมั้ยว่าวันนี้เรามีน้องสาวมาด้วย ?

กระแต : แรกๆไม่ได้บอกหลังๆก็จะบอกว่าซื้อกระแต ได้กระต่ายด้วยนะ ก็เริ่มมีชื่อเรื่อยๆ คนก็ชอบนางเพราะนางสายเอ็นเตอร์เทน ตลกโดยธรรมชาติของนาง

แต่จริง ๆ ความถนัดของทั้งสองคนคืออีกคนจะลูกทุ่ง อีกคนจะสตริง ?

กระแต : น้องจะเน้นสากล ไทยสากล ต่ายทำได้ทุกอย่างเหมือนกระแตเลยนะคะ ต่อยมวย เต้นก็เก่งเหมือนกัน แต่นางขี้เกียจถึงขนาดที่ว่า มันไปนั่งดูเค้าซ้อมแป๊ปเดียวแล้วมันก็ไปนั่ง แล้วพอเอาจริงมันเต้นได้ ทำได้ทุกอย่างเท่ากระแตแต่เป็นคนไม่ตั้งใจกับอะไร

ตัวกระต่ายเข้าวงการได้เพราะพี่ผลักดัน  ใช้เส้นพี่ จริงมั้ย ?

กระต่าย : จริงค่ะ (หัวเราะ)

กระแต :  เราพูดกันแบบเรียลๆ มันมีส่วนจริงอยู่แล้ว แน่นอนใครก็ต้องรู้ว่ากระแตมีชื่อแล้ว เอาน้องมาเราก็อยากดันน้อง พูดตรงๆ มีพี่มีน้องก็อยากให้พี่น้องเข้าวงการ เราก็มีโอกาสพาน้องเข้าก็พาเข้า แต่ต่อให้หนูจะดันเข้ามากแค่ไหนแต่ความสามารถเค้าไม่ได้ช่วยมันก็เท่านั้น แต่ว่าน้องมีของอยู่แล้ว

แต่ตอนแรกไม่ได้ร้องเก่งขนาดนี้ ตอนเข้าใหม่ ๆ โดนด่าเยอะมาก เราถูกเทียบตลอดเลยป่ะ ?

กระต่าย : เค้าก็จะบอกว่าเอาอีอ้วนนี่มาทำไม คอมเม้นท์รุนแรงมาก

กระแต : ตลกคนเม้นท์ว่าทำไมไม่ให้กำลังใจ น่าจะมองความสามารถน้อง บอกน้องว่าคอมเม้นท์แบบนี้ไม่ต้องไปใส่ใจเลย ไม่ได้พัฒนาเราให้ดีขึ้น ไม่ได้ติเพื่อก่อ

กระต่าย : หนูไม่ได้มีผลงานเพลงเดี่ยวเป็นของตัวเอง ก่อนหน้านี้ร้องกับพี่สาว จะร้องกันคนละท่อน คนยังไม่เชื่อว่าเป็นเสียงหนู เค้าก็เข้าใจว่าเป็นพี่แตรร้องคนเดียว แม้กระทั่งเมรีที่ออก เค้าก็ยังคิดว่าเป็นเสียงพี่แตร หนูมาแสดงเป็นยักษ์ในมิวสิค เค้าก็บอกว่าไม่ต้องเอาอียักษ์อีอ้วนมาก็ได้ เอากระแตมาคนเดียว ก็จะมีบ้าง

มีคอมเม้นท์อะไรที่ทำให้เราจุก ไม่ร้องแล้วเพลง ?

กระต่าย : ไม่สวย อ้วน ถ้าไม่ได้พี่ก็ไม่ได้เข้าวงการหรอก ไม่มีประโยชน์เอามาทำไม เกะกะ

กระแต : นางชอบคิดเยอะ คิดเยอะแล้วนอยด์ เป็นคนมีปมอยู่แล้ว

ก็เลยเลิกร้องเพลงไป 7-8 ปี เลย ?

กระแต : ใช่ นางแพชชั่นหมด

กระต่าย : หมายถึงว่าไม่ได้เลิกร้องคอนเสิร์ตนะคะ หมายถึงไม่ทำเพลงแล้ว ขี้เกียจ ไม่อยากออกแล้ว

กระแต :  แล้วก็ปล่อยตัว ตอนแรกไม่ได้อ้วนขนาดนี้นะ ขึ้นมาแค่ 70

แล้วตอนที่หยุดออกอัลบั้ม หยุดออกเพลง ไปทำอะไร ถ้าไม่ได้ออกคอนเสิร์ตกับพี่สาวทำอะไร ?

กระต่าย : ก็ขายของ เพราะหนูชอบค้าขาย ทำเสื้อผ้าคนอ้วนขายที่เมเจอร์ รัชโยธิน ก็ขายดีเลยเพราะหนูมีสไตล์ที่ชัดเจน คนที่มีรูปร่างอ้วนหรือท้วมส่วนใหญ่จะใส่แต่ชุดสีดำ หนูเป็นคนชอบเสื้อผ้าสีสัน เป็นคนอ้วนที่มั่นหน้า

เห็นสนิทกันแบบนี้เคยทะเลาะถึงขั้นไม่คุยกันเลย ไม่ขึ้นเวทีเดียวกันด้วย ?

กระแต : มีครั้งเดียวเลย เป็นช่วงที่น้องนอยด์โดนคอมเม้นท์นี่แหละ เค้าก็เครียด เหมือนมั่นใจอยากพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้อยู่ในร่มเงาพี่ เค้าพูดมาคำหนึ่งแตรได้ยินแล้วก็งอแงไม่ชอบเหมือนกัน เค้าพูดว่าว่าถ้าไม่มีหนูเจ้าภาพก็ไม่เอาพี่แตรหรอก หนูมีส่วนช่วยทำให้พี่แตรมีงาน เราก็มั่นหน้ามั่นโหนกมากเลยนะ งั้นงานต่อไปไม่ต้องมา แม่ไม่ต้องรับงานคู่เลยนะ ต่างคนต่างงอน ไม่รับงานประมาณเกือบ 2 เดือน ก็คือขึ้นคนเดียวก็ได้

แล้วเหนื่อยมั้ยขึ้นคนเดียว ?

กระแต : ก็เหนื่อยเพราะหนูเป็นคนเต้น ทุกครั้งปัจจุบันเค้าจะเข้ามาสลับให้เราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ได้พัก 1 คนมันไม่เท่ากับ 2 หัวอยู่แล้ว ก็กลับมาคุยกัน น้องก็ไปขายเสื้อผ้า ฝนตกก็ไปตากฝน

ตอนนั้นที่ทะเลาะกัน หลัง 2 เดือนผ่านไป ใครหันหาใครก่อน ?

กระต่าย : ก็คุยกัน แม่ก็มาเชื่อม เราก็รู้สึกว่ามันก็เหนื่อยไปช่วยพี่ร้องเพลง แม่ก็เล่าให้ฟังว่าพี่แตรลงมาก็เหนื่อยจะเป็นลม หมดแรงตลอด เราก็รู้สึกว่าทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์ ไปช่วยทำงานดีกว่า หาเงินเข้าบ้าน เพราะรายได้มันหายไป เมื่อก่อน 30 วันเราวิ่งงานเกือบ 40 งานเลย

อธิบายสิเงินสามแสนหายไปไหน ?

กระต่าย : สืบเนื่องมาจากทำร้านเสื้อผ้าคนอ้วน ก็จะเบิกเงินสดเพื่อไปจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า ไปซื้อของเข้าร้าน เป็นเงินก้อนแล้วไปลืมที่ปั้มน้ำมัน ตอนนั้นไปเล่นตอนเสิร์ต เราก็เอากระเป๋าไปด้วยเพื่อไปซื้อกาแฟ เราไปเข้าห้องน้ำคนพิการเอาวางไปตรงชักโครกแล้วจังหวะแม่มาเร่งว่าเจ้าภาพจะเปลี่ยนเวลาขึ้นคอนเสิร์ตก็เลยตกใจ เข้าห้องน้ำเสร็จก็ออกเลย มารู้ตัวอีกทีหลังจากลงจากคอนเสิร์ตแล้ว กินข้าวแล้ว เข้าโรงแรมแล้ว ตอนแรกนึกไม่ออกเข้าใจว่าลืมอยู่บ้าน นึกไปนึกมาว่าลืมไว้ปั้มน้ำมัน แล้วจำไม่ได้ว่าปั้มไหน ก็เลยแวะทุกปั้มเลย ขณะที่แวะทุกปั้มหนูก็อธิษฐานเลย แต่สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ เค้าไหว้เทพกันแต่หนูไม่ไหว้ หนูรู้สึกว่าเทพอะไรหัวเป็นช้าง ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักพระองค์ ก็เลยไม่เชื่อ แต่พี่เค้าบอกว่าไหว้ซิมันดีนะๆตลอด ไปไหนหมอดูก็ทักว่าเรามีองค์พระพิฆเนศ วันนั้นก็เลยลองของซักหน่อยอธิษฐานว่าถ้าหนูเจอเงินสามแสนครบทุกบาททุกสตางค์ หนูจะกินเจถวาย 3 เดือน ซึ่งในชีวิตนี้วันเดียวก็ไม่กิน

พอเราอธิษฐานแบบนั้นปุ๊ปเกิดอะไรขึ้น ?

กระต่าย : ไปแวะจนถึงปั้มที่เราทำกระเป๋าหาย เด็กปั้มก็บอกว่าใช่กระเป๋าใบนี้มั้ย เราก็ตกใจ แต่เปิดเข้าไปเงินหาย ก็เลยอธิษฐานคุยกับองค์เทพว่าหนูกินให้แค่เดือนครึ่งพอนะคะ เพราะว่าตังค์ไม่เจอ แต่วันนั้นก็ทิ้งเบอร์ไว้ให้ด้วย

กระแต :  เหมือนเค้าเปิดกล้องวงจรปิดเห็นว่าเด็กในปั้มนั่นแหละเอาไป ก็เลยได้คืนทั้งหมด

กระต่าย : อีกวันนึงที่เราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมมีคนโทรศัพท์มาว่าคุณกระต่ายหรือเปล่า เพราะตอนนั้นเราบอกไปว่าเราเป็นกระต่าย เค้าบอกว่ามีคนเอาเงินมาคืน หนูก็เลยนึกว่าตายห่ากูต้องกินเจ 3 เดือนเลยมั้ยเนี่ย

กระแต : ก็เลยเป็นจุดที่ให้เริ่มศรัทธา

พูดเรื่องหัวใจกันนิดนึง จะแต่งแล้วหรอ ?

กระแต : ก็ประมาณไม่เกิน 2 ปีนี้ค่ะ ก็คุยกันใกล้จะถึงเป้าที่ต้องการแล้ว

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ กระแต-กระต่าย อาร์สยาม

About Author