“แม่พลทหาร” ทุกข์หนัก วอนช่วยหาลูก หายตัวปริศนาร่วมเดือน ครอบครัวมืดแปดด้าน

กรณีแม่ตามหาลูกชายพลทหาร ซึ่งหายจากค่ายจ.ลพบุรี โดยทิ้งปริศนาชุดทหาร โทรศัพท์มือถือในป่าหลังค่าย หวั่นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ขณะที่ผู้บังคับบัญชาเผยอีกฝ่ายหลบหนี หลังมีพฤติกรรมเสพยาบ้า ถูกจับได้ และทำโทษทางวินัย  

รายการเป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.10 – 17.55 น. ทางช่อง JKN18 ดำเนินรายการโดย “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ได้สัมภาษณ์ “คุณแม่จุฑารัตน์ มาดหมาย” แม่พลทหารที่หายตัวไป มาพร้อม “คุณลุงพระนาย วิชัยดิษฐ์” วอนขอให้ช่วยตามหาความจริง เพราะถึงตอนนี้เกือบเดือนแล้วก็ยังไม่เจอตัว

น้องเป็นทหารเกณฑ์จับใบดำใบแดงหรือสมัครไปเอง?

จุฑารัตน์ : จับค่ะ เป็นทหารได้ 4 เดือนแล้วค่ะ

ความสัมพันธ์ของคุณแม่กับน้องเป็นไงบ้าง?

จุฑารัตน์ : โทรคุยกันทุกวันเมื่อลูกว่างเราจะโทรคุยกัน คอลกันตลอด

โดยปกติเวลาเข้าไปอยู่ในค่ายทหารเขาให้ใช้โทรศัพท์เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?

จุฑารัตน์ : เขาให้ใช้ค่ะ ถ้าฝึกเสร็จเขาให้ใช้ตลอด

น้องเป็นทหารที่ค่ายไหนครับ?

จุฑารัตน์ : “ค่ายปืนใหญ่ลพบุรีค่ะ”

ก่อนที่จะเข้าไปน้องมีนิสัยยังไง ทำงานอะไร ?

จุฑารัตน์ : “น้องเป็นคนร่าเริง นิสัยดี ไม่ก้าวร้าว พูดรู้เรื่อง คือไม่ดื้อเลย ก่อนเข้าไปเป็นทหารน้องไม่ได้ทำงานะไรค่ะ อยู่กับพ่อแม่”

น้องไม่ได้ทำงานแล้วแต่ละวันทำอะไร?

จุฑารัตน์ : “น้องก็อยู่กับย่า ร้านย่าเขาขายกับข้าวถุง ก็ช่วยเก็บร้านเก็บอะไรค่ะ”

แล้วพอติดทหารชีวิตในรั้วของทหารเกณฑ์เป็นยังไงเวลาโทรกลับมาหาแม่?

จุฑารัตน์ : “เขาดีใจที่เขาได้ใส่ชุดทหาร เวลาเขาได้ใส่เขาจะถามว่า แม่หนูหล่อมั้ย หนูเท่มั้ย แม่เองก็ดีใจที่ลูกเป็นทหาร วันข้างหน้าลูกจะได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ ถ้าไม่มีพ่อมีแม่ ลูกไม่เคยบ่นเลยว่าเหนื่อยหรือไม่อยากเป็นทหาร ลูกบอกว่าอยู่ได้สบาย ๆ”

ก่อนที่น้องจะหายตัวไปเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นครับ?

จุฑารัตน์ : “วันที่ 11 ทางค่ายเขาโทรมาบอกว่าน้องหนีไป เรายังบอกว่าน้องไม่ได้หนีหรอก ลองหาในค่ายดู แม่มั่นใจถ้าน้องหนีน้องต้องถึงบ้านแล้ว ก็รอยันเย็นว่าลูกจะกลับ แต่ช่วงบ่ายจ่าเขาโทรมาแล้วค่ะว่าน้องมีพฤติกรรมเสพยานะ ก็เลยถามจ่าไปว่า น้องไปดี ๆ ทำไมถึงเสพยาในค่ายมียาด้วยเหรอ น้องไปเอามาจากไหน จนเขาบอกว่าน้องไปเอายาจากรุ่นพี่คนหนึ่ง หนูก็ตกใจว่าส่งลูกมาดี ๆ ทำไมถึงติดยา”

มียาเสพติดจำหน่ายอยู่ในค่ายทหารที่ลพบุรีเหรอ?

จุฑารัตน์ : “ใช่ค่ะ ตอนที่จ่ากองโทรมาแม่ถามว่าน้องได้ทะเลาะกับใครมั้ย เขาบอกไม่มี แต่วันที่ 10 เขาโดนจับได้ก็เลยทำโทษไปเล็กน้อยไม่ได้ทำอะไร”

ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องเมื่อไหร่?

จุฑารัตน์ : “วันสุดท้ายก็วันที่น้องหายเลยค่ะ 14:34 น้องบอกแม่ว่าหนูกลัวติดคุก หนูกลัวโดนทำโทษ หนูอยากกลับบ้าน ก็คิดว่าเดี๋ยวลูกคงมาถึงบ้าน ถ้าลูกหนีลูกคงมาถึงบ้าน แต่นี่ก็ไม่ถึง”

แล้วได้ถามมั้ยว่าทำโทษโดนอะไรบ้าง?

จุฑารัตน์ : “คือสายนั้นเป็นสายล่าสุดเลยค่ะ แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย”

แล้วก่อนเข้าไปเขามีปัญหาเรื่องยาเสพติดมั้ย?

จุฑารัตน์ : “ไม่ใช่ว่าเขาจะติดหนัก คือนานทีค่ะ เขาหยุดไปแล้วช่วงก่อนที่จะไปเป็นทหาร คือกลับมาบ้านเดือนนึงคือเขาหยุดได้”

คุณแม่ทำยังไงเมื่อรู้ว่าลูกหายไป?

จุฑารัตน์ : “ก็ไปถามจ่ากับสิบเวร เขาก็พูดว่าโดนทำโทษนิดหน่อย เขาบอกว่าลอกคลอง ก็ยังไม่เชื่อก็เลยถามจ่าว่าถามจริง ๆ จ่าเอาลูกหนูไปติดคุกมั้ย เขาบอกว่ารับประกันเลยว่ามีแต่ลอกคลองกับวิดพื้น แล้ววันที่ 12 มาถามความคืบหน้าเขาบอกว่าถ้าหนีต้องไปทางหลังค่าย เลยถามหากล้องวงจรปิด เขาบอกว่าไม่มี มีตัวเดียวที่ให้มาคือหน้าหอเรือนนอนขอองลูก”

ทั้งค่ายมีกล้องอยู่ตัวเดียวตามภาพนี้ที่น้องเล่นโทรศัพท์อยู่เหรอ นี่เวลาเท่าไหร่?

พระนาย : “ต้องดูดี ๆ น่าจะเป็นไฟเช็คครับ เพราะหยิบบุหรี่แล้วก็ออกมาครับ ประมาณตี 4 ได้”

เราได้ดูกล้องอื่นเพิ่มเติมมั้ย?

จุฑารัตน์ : “ขอค่ะ เขาบอกไม่มีกล้อง”

คนที่ตอบคุณแม่เป็นใคร คุณแม่แปลกใจมั้ย?

จุฑารัตน์ : “คนที่ตอบคุณแม่คือเป็นผู้หมวด ด้วยความอยากได้ความชัดเจนเลยไปขอดูกล้อง จะได้รู้ว่าลูกไปทางไหน”

แล้วได้ไปแจ้งความมั้ย?

จุฑารัตน์ : “แจ้งค่ะ ไปแจ้งวันที่ 13 ที่ไม่ได้ไปแจ้งทันทีเพราะคุยกับจ่า จ่าบอกว่าเผื่อน้องจะกลับบ้าน แต่นิสัยลูกถ้าหนีจริงวันที่ 11 ลูกต้องถึงแล้ว คงไม่ได้หนีค่ะ คงจะหาย”

พอไปแจ้งความตำรวจว่าอย่างไรบ้าง?

จุฑารัตน์ : “พอแจ้งความเสร็จวันที่ 13 พ่อกับย่าเขาเข้าไปในกรม แล้วย่าเขาค้นกระเป๋าหลาน แล้วก็เจอสายชาร์ตแบตอยู่สายนึงของไอโฟน ย่าเลยวางไว้บนกระเป๋า พอวันที่ 14 ก็ได้พบกับผู้พันเขาเลยถามว่า น้องได้มีอะไรติดตัวไปบ้าง ย่าเลยบอกว่าน่าจะไม่มีอะไรไป เพราะบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ ของอยู่ สายชาร์ตแบตอยู่ หมวดยังพูดเลยว่างั้นเดี๋ยวน้องคงไปหาซื้อใหม่ แต่มาเอะใจวันที่ 23 ที่เขาแจ้งว่าเจอชุด สายชาร์ตแบตที่เจอในตู้ไปอยู่ในป่ากับชุดน้องได้ยังไง”

รู้ได้ยังไงว่าเป็นสายเดียวกัน?

จุฑารัตน์ : “ถามย่าแล้ววันนั้นที่เจอชุดเราได้ขอเข้าไปในกรมอีก ปรากฎว่าสายชาร์ตไม่มีแล้วค่ะ”

คุณลุงคิดว่ามันเป็นการจัดฉากมั้ย?

พระนาย : “ตอนย่าเข้าไปย่าไม่ได้ถ่ายรูปไว้ก็เลยไม่มีหลักฐาน แต่รูปตอนที่เจอก็ไปเจอสาย แต่ย่าเขาเป็นคนที่จำแม่น ไม่ว่าเสื้อผ้า รองเท้า กางเกงในกี่ตัวย่าจำได้หมด”

ได้แจ้งข้อมูลนี้ให้ตำรวจมั้ย?

พระนาย : “แจ้งครับ เขาก็ลงบันทึกไว้ครับ เพราะว่าวันนั้นที่ไปทางผู้กำกับ สภ.เมืองลพบุรีบอกว่า ถ้ามีข้อสงสัยให้รายงานท่านได้ ท่านอำนวยความสะดวกทุกอย่าง หลังจากนั้นผมไปอีกครั้งนึงเขาก็เอาโทรศัพท์จะไปตรวจสอบ ก่อนไปเจอโทรศัพท์มีฝนตกหนักด้วยครับ แต่ไม่มีรอยชื้นที่เสื้อผ้า”

วันที่เจอชุดไปทันมั้ย?

จุฑารัตน์ : “ไปไม่ทันครับ เขาเก็บไปก่อน”

พระนาย : “แต่เราตามไปดูที่โรงพัก ถ้าฝนตกโทรศัพท์ก็จะมีปัญหา แล้วชุดก็น่าจะชื้น แต่ชุดแห้งทุกอย่าง”

แล้วทางตำรวจสงสัยเหมือนที่เราสงสัยมั้ย?

พระนาย : “ตำรวจยังไม่ได้บอกอะไรครับ”

ล่าสุดตำรวจได้ติดต่อมาบอกความคืบหน้าของคดีมั้ย?

พระนาย : “ยังไม่ได้บอกครับ”

แล้วไม่ติดใจอยากหาความจริงให้ลูก?

จุฑารัตน์ : “อยากค่ะ อยากมาก”

ย้อนกลับมาได้ขอดูกล้องวงจรปิด แล้วค่ายบอกว่ามีตัวเดียว ได้บอกตำรวจเพื่อขอดูมั้ย?

พระนาย : “ไม่ได้ขอครับ เพราะตอนนั้นเราอยากตามหาอย่างเดียวครับ พอทหารว่าแบบนั้นก็คิดว่าน้องหนีจริงๆ”

ตอนที่ไปเจอชุดใครเจอ?

พระนาย : “ทหารอีกค่ายนึงครับ”

ได้มีร่องรอยหรือเห็นหลักฐานอะไรมั้ย?

จุฑารัตน์ : “ไม่เห็นค่ะ จ่ากองร้อยนี้เขาไปเจอ แล้วเขาได้โทรให้จ่ากองร้อยของลูกไปดู ก็เลยได้ถามว่าชุดคือวางแบบนี้ใช่มั้ย ใหม่ๆ แบบนี้ จ่าเขาว่าใช่เหมือนเพิ่งเอาไปวาง จ่าเขายังพูดเลยว่า ไม่รู้คนอื่นคิดยังไงนะ แต่ผมคิดว่าเพิ่งวาง”

ผมขอตำหนิสักนิดนึงนะ คือน้องหายไปตั้ง 20 กว่าวันแล้ว เราเองต้องไปไล่จี้หน่วยงานราชการ เพราะว่าถ้าเราเป็นคนตัวเล็ก ๆ แล้วเราปล่อยให้คดีมันไปตามทางบางทีเขาไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ทางทหารแทบจะไม่ช่วยเหลือเลยหรือเปล่า?

จุฑารัตน์ : “เขาก็ช่วยแต่ตอนนี้เขาเหมือนหยุดไป เพราะมันหลัง 15 วันแล้ว เขาก็ตีเป็นหนีทหาร”

แล้วหนีทหารคุณแม่ไม่สงสัยอยากรู้เหรอ?

จุฑารัตน์ : “สงสัยค่ะ หนูตามมาตั้งแต่วันที่ 12 ยันวันนี้ถึงมาที่นี่ค่ะ”

โฟนอิน “พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา” ผู้กำกับสภ.เมืองลพบุรี เกี่ยวกับคดีน้องที่หายตัวไป ตอนนี้คดีไปถึงขั้นไหนแล้ว?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงข้อมูลในศูนย์ติดตามคนหายนะครับ ส่วนคดีที่น้องหายไปตำรวจสืบสวนก็ได้ลงพื้นที่ เชื่อว่าน้องน่าจะยังคงกลัวอยู่ ทราบข่าวเมื่อวันที่ 23 แต่ยังไม่ยืนยันแน่นอนนะครับ ว่าในพื้นที่เห็นน้องเข้าไปในกลุ่มที่เลี้ยงสัตว์ แต่ขออนุญาตตรวจสอบข้อมูลอีกที”

วันที่ 23 มีพยานพบเห็นน้องยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “ก็คล้าย ๆ ครับ ก็พยายามกระจายข่าวกับคนในพื้นที่ กับพวกกำนันผู้ใหญ่ในพื้นที่นะครับ ถ้ามีข้อมูลมาก็จะได้เข้าไปตรวจสอบ”

กล้องวงจรปิดจากในค่ายทางตำรวจได้ขอส่งหนังสือไปมั้ย ว่าขอดูภาพน้องว่าออกไปทางไหน?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “คือกล้องวงจรปิดมันมีที่กองพัน แล้วจุดที่น้องไปทิ้งเสื้อผ้าก็ห่างจากกองพันประมาณ 7 กิโลเมตรอยู่ด้านใน คือจากที่หาข้อมูลทางโทรศัพท์คือน้องมีโอกาสออกมาด้านนอกก่อนที่จะทิ้งโทรศัพท์กับเสื้อ ผมไม่ทราบว่าในกองพันมีกล้องกี่ตัว แต่ในเบื้องต้นสอบถามผู้พันในส่วนที่น้องออกมาก็มีเท่านั้น แล้วจุดที่เจอเสื้อผ้าก็อยู่ในเขตทหาร”

ไม่แปลกใจเหรอว่าการที่ออกจากกองพันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปถึง 7 กิโลบนเขา?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “จุดที่น้องเปลี่ยนในเบื้องต้นมันก็มีจุดที่เหมือนเครื่องหมายสัญลักษณ์ มีท่อนไม้และขวดในสองจุดนี้ โอกาสเป็นไปได้หมดด้านในมันเป็นค่ายทหาร การที่จะออกไปนอกค่าย ถ้าเห็นเป็นชุดทหาร ปกติทหารจะมีหน่วยของเขาถ้าเห็นว่าเป็นชุดทหารน้องก็อาจเกิดความกลัวว่าจะโดนจับไปลงโทษ”

ทางตำรวจได้เข้าไปสืบค้นในพื้นที่ค่ายทหารหรือยัง?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “ในค่ายทหารกว้างมากนะครับ ไม่มีรั้วถึงขนาดนั้น มันมีช่องทางธรรมชาติค่อนข้างเยอะ ผมให้ลูกน้องเดินเข้าไป ทางมันไม่สะดวกเลย มันต้องใช้มอเตอร์ไซค์เข้าไป ถ้าคนไม่ชำนาญก็อาจหลงได้”

ตรงจุดที่น้องถอดเสื้อผ้ามันมีเครื่องหมายอะไร?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “น่าจะทำเป็นเหมือนสัญลักษณ์นะครับ เพราะเอาไม้ปักไว้ แล้วขวดเสียบไว้”

แปลกใจมั้ยว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “น้องมีพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ผมคิดว่าน้องกลัวทหารเจอแล้วจะถูกทำโทษ พยายามคิดในทางที่ดีว่าน้องยังมีชีวิตอยู่ แล้วเราก็ได้เช็กพิกัดที่น้องโทรเข้าออก ซึ่งมันก็ได้มีการวนออกมานอกค่าย”

ตรงนี้อยู่ในสำนวนหมดแล้วใช่มั้ย?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “ใช่ครับ ดูหมดแล้วครับ ทางทหารก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับ ก็ตระเวนหาเหมือนกัน ผมเชื่อว่าน้องน่าจะไปตรงไหนสักที่นึง”

ต่อไปทาง สภ. จะดำเนินการอย่างไรครับ?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “เบื้องต้นเราลงข้อมูลไปที่คนหาย และลงพื้นที่ ในเขตค่ายทหารเราทำอะไรก็ต้องขออนุญาตเขาก่อนด้วย แล้วส่วนด้านนอกผมว่าน่าจะพอได้ข่าวบ้าง”

ของที่เจอในที่เกิดเหตุ ได้นำไปตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนอื่นบ้างหรือยัง?

พ.ต.อ.รักศักดิ์ : “ลักษณะของน้องตอนนี้ทำการตรวจยึดไว้ แล้วเบอร์โทรศัพท์น้องก็ไม่ได้ติดต่อใคร ในส่วนของเรื่องไลน์พยายามกู้ข้อมูลอยู่แต่อาจจะลำบากนิดนึงก็พยายามครับ ก็เอาใจช่วยทางคุณแม่ด้วย”

ต่อไปคิดว่าจะทำยังไงต่อ?

พระนาย : “ก็ว่าจะไปขอทำหนังสือของศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานต่าง ๆ ให้เข้ามาช่วย ตอนนี้เรามืดแปดด้าน ถามว่าที่มีคนเห็นเราก็ไปครับ เราค้นหาทุกอย่าง ตะโกนเรียกก็ไม่มีคนตอบ”

About Author